แม้หน้าฝนจะเป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ใครจะรู้ว่ายังมีอีก 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่ ททท.แนะนำว่า ยิ่งน่าไปในเดือนมิถุนายนนี้
หน้าฝน ฤดูกาลท่องเที่ยวโลว์ซีซัน ที่หลายคนจะไม่นิยมออกเดินทาง เพราะกลัวสภาพอากาศจะไม่เป็นใจ แน่นอนว่าตอนนี้การไปเที่ยวทะเลย่อมไม่ดีแน่ เพราะอาจจะได้เจอคลื่นลมแรง หรือชายหาดที่เต็มไปด้วยเศษขยะแทน แต่ใครจะรู้ว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่ที่เหมาะกับการไปในช่วงนี้
โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แนะนำว่าในเดือนมิถุนายน ซึ่งประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว ยังมีอีก 5 สถานที่ที่น่าสนใจเหมาะในนักท่องเที่ยวเดินทางไปพักผ่อน !
แจกพิกัด "ที่เที่ยว-ที่กินหน้าฝน" ให้ชุ่มช่ำหัวใจ ต้อนรับฤดูมรสุมของไทย
กรมอุตุฯ ประกาศไทยเข้าสู่ฤดูฝน 22 พ.ค. คาดปริมาณฝนลดลงกว่าปี 65
บ้านป่าบงเปียก จังหวัดเชียงใหม่
1.) บ้านป่าบงเปียก จังหวัดเชียงใหม่
บ้านป่าบงเปียก เป็นพื้นที่ของ นาขั้นบันไดที่ถือว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
เราสามารถมองเห็นวิวสวยๆ ของทุ่งนาบนเนินภูเขาสูงได้ โดยเฉพาะถ้าได้ไปในช่วงฤดูฝนนี้ จะได้เห็นภูเขาเป็นสีเขียวสดชื่นสบายตา
นอกจากนาขั้นบันไขรอบๆ หมู่บ้านนี้แล้ว ยังมีอีกไฮไลท์ของที่นี่ คือ การได้ชม "ทะเลหมอก" ในตอนเช้า และ "พระอาทิตย์ตกดิน" ในยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
2.) อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก
อุทยานแห่งนี้ ตั้งอยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2331 ตำบลเนินเพิ่ม จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นรอยต่อของสามจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย, อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก และ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำให้ไปในช่วงฤดูฝนยาวไปจนถึงฤดูหนาว เพราะนอกจากจะมีพรรณไม้และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ให้เรียนรู้อีกด้วย
ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ขอเริ่มแนะนำจาก "โรงเรียนการเมืองการทหาร" ที่ตั้งเก่าของโรงเรียนที่ใช้ฝึกอบรมตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ กระจายตัวอยู่ประมาณ 30 หลังตามแนวต้นไม้ มีทั้งห้องเรียน บ้านพัก สถานพยาบาล และห้องครัว
ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนการทหาร ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจ คือ "กังหันน้ำ" ออกแบบและสร้างขึ้นโดยนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่หนีเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่ใช้พลังน้ำจากน้ำตกด้านหลัง หมุนแกน "ครกกระเดื่อง" เพื่อตำข้าว สำหรับผู้หลบหนีในยุคนั้น
ถัดมาอีก ยังมี "เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ลานหินปุ่ม-ผาชูธง" ที่จะใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทาง 3.7 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะมีความหลากหลายของพันธุ์ไม้และลักษณะทางธรณีวิทยาที่โดดเด่น
ระหว่างทางเดิน เพื่อนๆ จะได้เห็นก้อนหินรูปร่างแปลกตาเป็นระยะ ทั้ง "ผาหินกบ" ก้อนหินใหญ่มองดูคล้ายกบเกาะอยู่บนหิน, "ผาหินหัวใจ" รูปร่างคล้ายหัวใจ และ "ผานาคราช" ที่เป็นเนินหินสูง มีรูปร่างคล้ายงูใหญ่ เส้นทางการเดินไม่ยาก สามารถเดินได้แบบสบาย นอกจากธรรมชาติสวยๆ แล้ว ระหว่างทางจะมีป้ายให้ความรู้เป็นระยะ รวมทั้งมีจุดนั่งพักด้วย
จากทางเข้าในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร จะเจอกับ “ผาชูธง” หน้าผาที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยใช้เป็นจุดชูธงแดงรูปค้อนและเคียวเมื่อรบชนะทหารของรัฐบาล ปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่ ซึ่งจากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวป่ามุมสูงได้สุดสายตา
เดินออกไปอีก 500 เมตร จะมีอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดที่เรียกว่า “ลานหินปุ่ม” ลานหินขนาดใหญ่ริมหน้าผาสูง มีรอยตะปุ่มตะป่ำอยู่เต็มลานจากการแกะสลักของลมและฝน ไฮไลต์ของลานหินปุ่ม คือวิวพระอาทิตย์ตก
หากใครอยากมาดูว่าสวยแค่ไหนต้องรีบมาสักหน่อย เพราะทางอุทยานฯ จะปิดประตูเวลา 16.00 น. ส่วนคนที่เข้าไปแล้วก็สามารถอยู่จนดูพระอาทิตย์ตกดินลับขอบฟ้าได้เลย ซึ่งจากลานหินปุ่มจะใช้เวลาเดินออกมาบริเวณทางเข้าประมาณ 20-25 นาที
ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ
3.) ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ
สถานที่สำหรับคนรักดอกไม้ ที่ในหนึ่งปีจะมีให้ชมแค่หนึ่งครั้ง โดยสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมดอกกระเจียวได้ก็คือ "อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม" และ "อุทยานแห่งชาติไทรทอง" โดยจะเริ่มบานในช่วงกลางเดือนมิถุนายน จนถึงช่วงเดือนสิงหาคม
เทศกาลผีตาโขน จังหวัดเลย
4.) เทศกาลผีตาโขน จังหวัดเลย
ประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน หรือที่เรียกกันว่า "เทศกาลผีตาโขน" เป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบต่อกันมายาวนานเพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ รวมเอางานบุญพระเวสสันดรชาดกและงานบุญบั้งไฟเข้าไว้ด้วยกันของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
ในงานจะมีขบวนแห่ผีตาโขน มีการร้องเล่นเต้นรำ มีการแสดงมหกรรมหน้ากากนานาชาติ การประกวดหน้ากากผีตาโขน การแสดงของชุมชนต่าง ๆ การออกร้านของส่วนราชการและเอกชน การแสดงศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่น การแสดงสินค้าพื้นเมือง การจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์โอทอป การแสดงดนตรีจากศิลปิน และการฟังเทศน์มหาชาติ 13 กัณฑ์
โดยในปีนี้ จะจัดที่เดิมในตัวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2566
เวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊าน จังหวัดพะเยา
5.) เวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊าน จังหวัดพะเยา
กว๊านพะเยา เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่าง ๆ ถึง 18 สาย บรรยากาศร่มรื่น บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ให้ชาวพะเยาและนักท่องเที่ยวมาออกกำลัง เดินเล่นและชมพระอาทิตย์ตกดิน
ในทุกปี ที่นี่จะมีการเวียนเทียนทางน้ำ 3 ครั้ง ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา ณ วัดติโลกอาราม โบราณสถานกลางกว๊านพะเยาที่มีอายุกว่า 500 ปี
โดยในเดือนมิถุนายนนี้ จะมีการจัดงาน วันวิสาขบูชา ในวันที่ 3 มิถุนายน 2566 เริ่มตั้งแต่เวลา 06.30 น. จะมีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป ณ ท่าเรือวัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยา และในช่วงเย็นเวลา 17.30 น. จะมีพิธีเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอาราม โดยจะมีขบวนเรือพายพื้นบ้าน ตกแต่งด้วยเทียนประทีป พาเวียนเทียนรอบวัดกลางน้ำ 3 รอบ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง
อุตุฯ คาดปีนี้แนวโน้มสูงเกิดปรากฎการณ์“เอลนีโญ” เตรียมรับมือฝนทิ้งช่วง
ฤดูฝนมาไว ! ชวน 7 กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ฟรี เริ่ม 1 พ.ค. นี้