“เกาะหมาก” ต้นแบบที่ท่องเที่ยวโลว์คาร์บอนแห่งแรกของไทย ดึงดูดคนใส่ใจสิ่งแวดล้อมกินอาหารพื้นถิ่นลด Waste Foods ปลูกปะการัง และซื้อผ้ามัดย้อมเป็นของฝาก
หากพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวในยุคนี้ มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะสายแคมป์ปิ้ง สายผจญภัย สายคาเฟ่ แล้วยังมีการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย คือ “ท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน”
แต่การท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน เราสามารถไปได้ที่ไหนได้บ้าง สถานที่แรกที่เราจะนำเสนอวันนี้ คือ “เกาะหมาก จังหวัดตราด”
Zero waste ปรับพฤติกรรมการกิน ช่วยโลกลดขยะได้
แนะ 4 แนวทางหยุดวงจร ‘ขยะอาหาร’ ไม่ซื้อตอนหิว ซื้อเท่าที่จำเป็น
เกาะหมาก เป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับ 3 ของหมู่เกาะทะเล ที่นี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจจำนวนมาก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบของ Low Carbon Destination แห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากมาย โดยล่าสุดคว้ารางวัล Green Destinations Story Awards ในงานท่องเที่ยวระดับโลก ITB Berlin 2023 ประเทศเยอรมนี
การเดินทางไปเกาะหมากนั้น สามารถไปได้หลายเส้นทางค่ะ หากเป็นสายโร้ดทริป เน้นชิลล์ไปเรื่อยๆ ก็สามารถไปได้ทางรถยนต์ เริ่มตั้งแต่ ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ก่อน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายบ้านบึง-แกลง ถึงอำเภอแกลงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิท ตรงไปเส้นจันทบุรี-ตราด และตรงเข้าอำเภอแหลมงอบใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะถึงไปที่ท่าเรือกรมหลวงชุมพรค่ะ
แต่ถ้ามีเวลาไม่เยอะ ก็ไปทางเครื่องบินได้ ผ่านสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ที่มีเที่ยวบินไปกลับ สุวรรณภูมิ – ตราด วันละ 3 เที่ยวบิน
อย่างแรกเมื่อมาถึงทะเล ก็ต้องนึกถึงอาหารทะเล ยิ่งพูดถึงอาหารทะเลในเกาะหมากแล้ว ร้านอาหารที่ยืนหนึ่งเรื่องความสดต้องที่ “เกาะหมากซีฟู้ด” แต่ที่นี่ ไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความสดอย่างเดียว เพราะเกาะหมากซีฟู้ดนี่เน้นอาหารทะเลที่ได้จากการจับปลาแบบประมงท้องถิ่น ทำให้เราได้วัตถุดิบที่หลากหลายออกไปตามแต่ฤดูกาล ที่สำคัญยังเป็นการช่วยสนับสนุนให้เกิดรายได้ในชุมชนด้วย แต่ที่พิเศษสุดคือที่นี่มีวิธีจัดการอาหาร โดยไม่ให้เกิด Waste food ซึ่งหนึ่งในเมนูที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยก็คือ “ปลาราดพริก”
เรียกว่าแนวคิดการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอนนั้น มีอยู่ในทุกๆ ส่วนของทุกๆ คนในชุมชน ซึ่งต้องขอบคุณทุกคนในชุมชนมาก เพราะถ้าไม่เกิดมาจากความร่วมมือของทุกคนแล้ว คงไม่สำเร็จ
นอกจากการกินอาหารท้องถิ่น ที่นี่ยังมีอีกกิจกรรมหนึ่งที่ช่วยให้เราร่วมดูแลโลกไปด้วยกัน คือ “การปลูกปะการัง” ซึ่งการปลูกปะการังนั้นมีจริง และคนในพื้นที่อย่างกลุ่มอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก และหน่วยงานรัฐ หน่วยงานเอกชนได้ร่วมกันจัดทำขึ้นมา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ส่วนของฝากจากเกาะหมากที่พลาดไม่ได้ “ผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ” จาก Roja studio of art ของพี่โรจน์ ที่ต่อยอดเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติมาเปลี่ยนเป็นสีสันในผ้ามัดย้อม แต่ที่สำคัญคือเราสามารถทำผ้ามัดย้อมในแบบของเราได้ด้วย
บนเกาะหมากมีกิจกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆภายใต้แนวคิด Low Carbon Destination ทำให้ที่นี่ยังมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ การเดินทางบนเกาะก็สะดวกสบาย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงกลายเป็นจุดหมายของคนไทยและต่างประเทศ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ Bangkok Airways
KBANK ปักธงเปลี่ยนอาคารหลัก สู่ Zero Waste to Landfill ภายในปีนี้
แจกลิสต์ 4 ที่เที่ยวประเทศไทย The Times ยกให้เป็นเมืองที่น่าไปที่สุด