ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน ที่ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งแต่ในบ้านของเรา ซึ่งข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ขยะจากเศษอาหารคิดเป็นร้อยละ 64 ของปริมาณขยะทั้งหมด และหากมองแบบเผินๆ ก็คือจำนวนเงินที่เสียไปในปริมาณเล็กน้อย แต่ถ้าเราใช้เศษอาหารที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่า จะสามารถลดรายจ่ายจำนวนเงินเล็กน้อยที่เสียไปทุกวัน และจะช่วยลดปริมาณขยะลงได้มากแค่ไหนกัน และวันนี้เราจะมาแบ่งปันไอเดียการทำให้เศษอาหารเหล่านี้ให้กลายเป็นศูนย์
อย่างเช่น เวลาไปจ่ายตลาดเพื่อทำอาหาร หากเรามีการวางแผนเมนูอาหารที่จะทำเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ แล้วลิสต์รายการวัตถุดิบให้เรียบร้อยก่อนไปซื้อ ก็จะทำให้เราซื้อเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้ ลดการจ่ายหยุมหยิมและลดการซื้อของมาตุนมากเกินไปจนเกิดความจำเป็น การใช้ผักหรือเนื้อสัตว์ที่เราซื้อมาให้เกิดประโยชน์สูงสุดทำได้ในทุกวัตถุดิบ อย่างเช่น ผักชี ที่เราสามารถใช้ได้ทั้งราก ก้าน และใบ เราสามารถตัดส่วนรากไปโขลกกับพริกไทยและกระเทียมได้เป็นสามเกลอ สำหรับหมักเนื้อสัตว์ หรือหั่นสับซอย แล้วนำไปผัดเพิ่มความหอมให้แก่อาหาร และถ้าหากใช้แค่ใบผักชี เราก็สามารถนำส่วนก้านผักชีไปปั่นหรือโขลกร่วมกับส่วนรากทำเป็นน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือจะนำก้านผักชีมาหั่นท่อนใส่ในไข่เจียว หรือคลุกเคล้ากับแป้งทอดกรอบ แล้วทอดเป็นของกินเล่นก็สามารถทำได้
ในส่วนของเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลาหรือไก่ เราก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เปลือกของกุ้งเราสามารถนำไปต้มให้เดือดเพิ่มสมุนไพรอย่างใบมะกรูดและตะไคร้ ได้เป็นน้ำสต็อกรสหวานหอมไว้สำหรับทำอาหาร หรือจะนำเปลือกกุ้งไปทอดแล้วบดให้ละเอียดได้เป็นผงกุ้ง ไว้สำหรับโรยเพิ่มรสชาติให้อาหาร ก้างปลาและกระดูกไก่ก็สามารถนำมาต้มเป็นน้ำสต๊อกได้เช่นเดียวกัน แม้กระทั่งในส่วนของเครื่องในปลาก็สามารถนำมาหมักกับเกลือ ได้เป็นไตปลาแบบโฮมเมดไว้รับประทานเองที่บ้าน
เปลือกของเนื้อสัตว์สามารถนำไปทำเป็นน้ำสต๊อกได้ เปลือกของผลไม้ก็สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น เปลือกของแตงโม ในส่วนของตรงเนื้อสีขาว สามารถฝานออกมาใส่แกงส้ม นำมาเชื่อมหรือนำมากินแนมกับน้ำพริกก็ได้ เปลือกของส้มโอช่วงเนื้อสีขาวสามารถฝาน แล้วนำมาต้มกับเกลือลดความขม แล้วเชื่อมกับน้ำตาลได้เป็นเปลือกส้มโอเชื่อม หากนำเปลือกส้มโอที่เชื่อมไปอบแห้ง นำไปใส่ในน้ำร้อนดื่ม ก็จะได้เป็นชาเปลือกส้มโอ แม้กระทั่งเปลือกของสับปะรดหรือเปลือกของมะละกอ ก็สามารถนำมาใช้ตอนหมักหมูหรือเนื้อได้ เนื่องจากเอนไซม์ในผลไม้ทั้งสองชนิดนี้จะช่วยทำให้เนื้อสัตว์มีความนุ่มขึ้น
แต่ถ้าหากเราไม่ได้ทำอาหารรับประทานเอง ซื้ออาหารที่วางขายตามท้องตลาดมากินแล้วกินไม่หมด เราก็สามารถปรับเปลี่ยน เพิ่มเครื่องปรุงรสหรือเพิ่มวัตถุดิบเพื่อให้กินได้ต่อเนื่อง โดยไม่รู้สึกเบื่อได้ อย่างเช่น หากซื้อแกงส้มหรือแกงกะทิมาทานแล้วน้ำแกงเหลือ เราสามารถเติมผัก เนื้อสัตว์ และเพิ่มเครื่องปรุงรสเล็กน้อย เพื่อให้ได้แกงที่มีรสชาติอร่อยรับประมานได้อีกมื้อ หรือน้ำแกงพะโล้ที่เหลือก็สามารถนำมาเคี่ยวแล้วเพิ่มสามเกลอ หรือกระเทียมผัดกับเนื้อสัตว์ตามชอบ ก็จะได้กับข้าวรสชาติกลมกล่อมเพิ่มมาอีกจาน แม้กระทั่งน้ำพริกที่เหลือ อย่างน้ำพริกกะปิก็สามารถนำมาผัดแล้วนำข้าวสวยลงไปคลุกได้เป็นข้าวคลุกกะปิกินกับเครื่องเคียงตามชอบ เรียกได้ว่าทุกอย่างในครัวและทุกอย่างในจานเป็นศูนย์ เพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายวันละเล็กละน้อย ลดปริมาณขยะจากเศษอาหารลง และลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองได้นั่นเอง