รู้จัก "สถานีกลางบางซื่อ" ในฐานะ “สถานีรถไฟหลัก” แห่งใหม่ของไทย
พาทัวร์ “สถานีกลางบางซื่อ” ศูนย์กลางการคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดของไทย อำนวยความสะดวกในการเดินทางมาพร้อมอารยสถาปัตย์ที่งดงาม ผสานกับเทคโนโลยี 5G สุดล้ำ
สถานีกลางบางซื่อ Grand Station เป็นที่รู้จักในฐานะ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เพราะเปิดพื้นที่ให้ประชาชนทั่วไป มาใช้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กระทั่งล่าสุดเป็นสถานีต้นทางของรถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ- รังสิต และ บางซื่อ-ตลิ่งชัน และอนาคตจะเป็น “สถานีรถไฟหลัก” แห่งใหม่ของประเทศไทย ที่ได้รับการพัฒนาและยกระดับให้เป็น “ศูนย์กลางรถไฟไทย” ครอบคลุมทุกบริการ “ระบบราง” สามารถเชื่อมต่อทุกรูปแบบการเดินทาง ทั้งทางบก ทางน้ำ และ ทางอากาศ
แจงแล้ว! ปี 2564 สถานีหัวลำโพงยังไม่ปิด
ชี้เป้า จุดจอดรถฟรีสถานีกลางบางซื่อรับได้ 1,600 คัน
การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดรายละเอียดให้รู้จักสถานีกลางบางซื่อทุกซอกมุม เริ่มจากความงดงามที่ของสถาปัตยกรรมการก่อสร้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยรูปทรงโค้งแบบร่วมสมัย ยังเน้นเรื่องความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และประหยัดเวลา เพื่อให้ประชาชนสามารถเชื่อมการเดินทางไปยังทุกจุดหมาย บนพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางกว่า 298,200 ตารางเมตร โดยสามารถรองรับผู้โดยสารมากถึง 624,000 คน/วัน เทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำระดับสากล
ภายในตัวอาคารประกอบไปด้วย
• ชั้นใต้ดิน พื้นที่รวม 72,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับจอดรถประมาณ 1,700 คัน พื้นที่จอดรถยนต์ สำหรับบุคคลทั่วไป 1,681 คัน และพื้นที่จอดรถยนต์ผู้พิการ 19 คัน
• ชั้นลอย พื้นที่รวม 12,000 ตารางเมตร ใช้เป็นพื้นที่ร้านค้าเพื่อจำหน่ายสินค้า ทั้งสินค้า OTOP และสินค้าที่น่าสนใจหลายรายการ รวมทั้งเป็นพื้นที่ของห้องควบคุมของสถานีกลางบางซื่อ
• ชั้นที่ 1 พื้นที่รวม 86,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร ร้านค้า ศูนย์อาหาร พื้นที่พักคอยและจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หรือ MRT
• ชั้นที่ 2 พื้นที่รวม 86,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่สำหรับชานชาลารองรับระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง จำนวน 4 ชานชาลา และรถไฟทางไกล จำนวน 8 ชานชาลา
• ชั้นที่ 3 พื้นที่รวม 67,000 ตารางเมตร เป็นชานชาลารองรับรถไฟความเร็วสูง จำนวน 10 ชานชาลา และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ที่เดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำนวน 2 ชานชาลา
จุดเด่นและสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานีกลางบางซื่อที่ควรรู้ ได้แก่
1. เป็นศูนย์กลางการคมนาคมแห่งใหม่เทียบเท่าสถานีรถไฟชั้นนำของโลก และเป็นแกนกลางการเดินทางสู่มหานคร
2. เป็นสถานี “อารยสถาปัตย์” ตามหลัก Universal Design โครงสร้างนาฬิกาแบบหน้าปัดมีเข็มนาฬิกา ซึ่งหน้าปัดมีเพียงตัวเลขบอกเวลาหมายเลข ๙ เท่านั้น ได้ถูกยกเพื่อติดตั้งที่หน้าโดมของสถานีกลางบางซื่อแล้ว หลังจากนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบจะได้จัดการวางระบบต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ใช้งานได้เป็นปกติ
นาฬิกานี้ผลิตโดยบริษัท Electric Time Company, Inc. อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร ติดตั้งอยู่บนผนังกระจกสถานีกลางบางซื่อ มีความสูงจากระดับพื้นดินถึงจุดศูนย์กลางนาฬิกา 21 เมตร สำหรับหน้าปัดนาฬิกาที่มีเพียงหมายเลข ๙ เกิดจากความตั้งใจของผู้ออกแบบ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ ๙ และตั้งใจที่จะให้เป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของสถานี
3. โครงการนําร่องสถานีอัจฉริยะ (Smart Station) ด้วยเทคโนโลยี 5G เต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย และ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการ 5G ได้จากที่นี่ เนื่องจากสถานีกลางบางซื่อจะเป็นศูนย์กลางแห่งการเดินทาง ทั้งทางบก ทางราง เชื่อมโยงไปถึงทางน้ำและทางอากาศด้วย ยกตัวอย่างบริการ 5G ที่อยู่ภายในสถานีกลางบางซื่อ เช่น เทคโนโลยีหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือนักเดินทาง ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ มีระบบรักษาความปลอดภัย การให้บริการข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงในระหว่างการเดินทาง รวมถึงการจัดการเดินขบวนต่างๆ คาดว่ามีผู้ใช้บริการกว่า 200,000 คน/วัน
4. เข้าใจถึงรูปแบบขบวนรถไฟสายสีแดง(The S.R.T. Red Line Mass Transit System Project) โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหน้าที่ในการบริการขนส่งผู้โดยสารที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชานเมืองเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยระบบรางที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อป้อนผู้โดยสารเข้าสู่โครงข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนอันได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส ของ กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยมีสถานีหลักคือสถานีกลางบางซื่อ
5. เรียนรู้การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชนตามหลัก TOD คือ การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีหรือระบบขนส่งมวลชน ที่มีการใช้ประโยชน์ที่ดินและกิจกรรมในรูปแบบผสมผสาน ทั้งตั้งอยู่ในระยะเดินเท้าจากสถานีขนส่งมวลชนและศูนย์กลางพาณิชยกรรม โดยจัดสรรการใช้พื้นที่ให้มีทั้งที่อยู่อาศัย ร้านค้า สำนักงาน พื้นที่โล่งว่าง และพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งบริการพื้นฐานต่างๆ และส่งเสริมให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่เดินทางด้วยยานพาหนะหลากหลายประเภท ทั้งระบบขนส่งมวลชน จักรยาน และการเดินเท้า ลดการพึ่งพาการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล