ราคาน้ำมันโลก "ขยับขึ้น" รับเศรษฐกิจจีนฟื้น-นักลงทุนทิ้งดอลลาร์
ราคาน้ำมันโลกจ่อขยับขึ้น หลังจีนรายงานเศรษฐกิจไตรมาส 4 ดีกว่าคาด หนุนความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนทิ้งดอลลาร์
ราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัวที่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงหนุนความต้องการจากจีนในปีนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนดีกว่าคาดการณ์ไว้ แม้จะเผชิญกับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด ซึ่งอุปสงค์ หรือความต้องการใช้น้ำมันจากจีนเป็นตัวเลขที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC)
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ขยับขึ้นเหนือ 84 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันจันทร์ รับข่าวเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 4 ขยายตัวดีกว่าคาดการณ์ไว้
ราคาน้ำมันดิบแนวโน้ม "ขยับขึ้น" รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ
เศรษฐกิจ “ถดถอย” เวิลด์แบงก์ หั่นเป้า GDP โลก โตเหลือ 1.7% ต่ำสุดรอบ 30 ปี
ฝ่ายแผนและบริหารบริษัทในเครือ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รายงานว่าราคาน้ำมันดิบ ICE Brent, NYMEX WTI และ Dubai สัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงหนุนของปัจจัยเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fund Flow) หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ (DXY Index) ซึ่งเทียบกับตะกร้าเงินสกุลหลักของโลกปิดตลาดวันที่ 13 ม.ค. 66 ลดลง 0.08% มาอยู่ที่ 102.2 จุด ต่ำสุดในรอบกว่า 7 เดือน
ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. - 1 ก.พ. 66 (อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 4.25-4.5%) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ ในเดือน ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อนหน้า ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ต.ค. 64
สัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 82 - 87 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขานรับการเปิดพรมแดนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 66 ล่าสุด สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของจีนรายงานจำนวนเที่ยวบินเดินทางเข้าและออกนอกประเทศระหว่างวันที่ 8-12 ม.ค. 66 เพิ่มขึ้น 48.9% เทียบกับช่วงก่อนที่จีนเปิดพรมแดน มาอยู่ที่ 4.9 แสนเที่ยว
Goldman Sachs คาดว่า ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในไตรมาส 4/66 จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 105 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ Morgan Stanley คาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ที่ 80-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1/66 และจะเพิ่มขึ้นสู่ 110 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ภายในสิ้นปี 2566 จากปัจจัยการเปิดประเทศของจีน
อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ในจีน โดยวารสาร Nature Medicine คาดการณ์ว่า จุดสูงสุดของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในจีนจะนานประมาณ 2-3 เดือน และจะแพร่กระจายไปยังพื้นที่ชนบทซึ่งขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ หลังประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลตรุษจีน (วันที่ 21-27 ม.ค. 66)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- หน่วยศุลกากรของจีน (General Administration of Customs: GAC) รายงาน จีนนำเข้าน้ำมันดิบในเดือน ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้น 2.8% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 11.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- รัฐบาลจีนประกาศโควตานำเข้าน้ำมันดิบรอบที่ 2 ปี 2566 แก่โรงกลั่นอิสระ ปริมาณรวม 816 ล้านบาร์เรล (รอบแรกอยู่ที่ 146 ล้านบาร์เรล) ส่งผลให้โควตานำเข้าน้ำมันดิบรอบ 1-2 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 21% จากรอบ 1-2 ของปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 962 ล้านบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของโลก ในปี 2566 จะเติบโตที่ 1.7% จากปีก่อนหน้า ลดลงจากคาดการณ์เดิมซึ่งคาดว่าจะเติบโตที่ 3.0% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยืดเยื้อ และประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกลดการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
- Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ม.ค. 66 เพิ่มขึ้น 5 แท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 623 แท่น สูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์