นักการตลาด วิเคราะห์ "พิธา" เป็นทูตท่องเที่ยว

แม้ว่าก่อนหน้านี้การเซ็น MOU ของพรรคร่วมรัฐบาล ถูกคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมองว่า ไม่มีวาระการผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์บน Instagram พร้อมภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย ด้วยแคปชันว่า ผมเห็นที่เที่ยวในประเทศไทยเยอะมาก และอยากเห็นการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวจากโควิดครั้งนี้ คนมาเยอะขึ้นกว่าเดิม อยู่นานกว่าเดิม กระจายไม่กระจุกแค่หัวเมือง พร้อมโชว์แนวคิดผลักดันการท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม

เช่น สโลไลฟ์ที่แม่น้ำตาปี นครศรีธรรมราช ผลักดัน farm stay แบบญี่ปุ่นในสุโขทัย ทั้งยังชี้ช่องทางว่าต้องรีบผลักดันกฎหมาย พรบ. homestay เพื่อให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้จริง

กรมการค้าภายใน ติดเบรกผู้ค้าขึ้นราคาสินค้า นำค่าแรง

“พิธา” ชี้เป้าที่ท่องเที่ยวสุดโปรด หลังถูกชงเป็นทูตการท่องเที่ยว

ทำให้หลายคนแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็น เช่น เที่ยวตามรอยนายกฯ , ชื่นชนแนวคิด หรือแซวว่าขอรายการนายกพาเที่ยว บ้างก็มองว่า เหมาะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ททท. คนใหม่ ไปเลย เหมือนกับที่ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็เสนอให้ คุณพิธา เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ โปรโมตการท่องเที่ยวของประเทศไทย

 

ผศ.ดร.บุปผา ลาภะวัฒนาพันธ์ อาจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิเคราะห์ว่า เป็นโอกาสที่ดี เพราะคุณพิธามีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว โดยเฉพาะด้อมส้ม หากคุณพิธาไปไหนก็มีเครื่องการันตีได้ระดับหนึ่งว่ามีนักท่องเที่ยวพร้อมตามไปแน่นอน รวมถึงภาพลักษณ์ดี บุคลิกดี พูดได้หลายภาษา ภาพที่สื่อไปถึงต่างประเทศก็ยิ่งดีขึ้นตามไปด้วย

ดังนั้น สิ่งที่เหมาะสมตอนนี้ คือ ระยะเวลาต้องรอหลังจากการโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ถึงจะมีความชอบทำในบทบาทต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นได้

อีกสิ่งที่จะตามมากับกระแสฟีเวอร์นี้ คือ เอนเกจเมนต์ในโลกโซเชียลมีเดีย ด้วยฐานแฟนคลับของคุณพิธา เองเป็นคนรุ่นใหม่ คนทำงาน เขาพร้อม แชท-แชร์-โพสต์ สร้างคอนเทนต์บอกต่อได้แบบทวีคูณ แต่ต้องไม่ลืมคือดาบสองคม ถ้าสิ่งใดเคยเป็นบวกมากๆ แล้วกลายเป็นลบขึ้นมาจะเป็นวิกฤตได้ทันที ภาพลักษณ์ในระยะยาวจึงต้องดูให้ดี เพราะตัวของคุณพิธา มาด้วยกระแสโซเชียลมีเดีย แม้วันนี้รักจริง ชอบจริง แต่เมื่อใดเกิดกระแสตีกลับจะเกิดผลกระทบแบบทวีคูณได้เช่นกัน จึงต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในระยะยาวไว้ให้ได้