"ปานปรีย์" ห่วงเศรษฐกิจไทยโตช้า ถึงเวลาต้องปรับโครงสร้างอย่างจริงจัง
"ปานปรีย์" ห่วงเศรษฐกิจไทย แม้พื้นฐานแข็งแรง แต่เติบโตช้า ชี้ "ดิจิทัลวอลเล็ต" เป็นนโยบายที่ดี แต่รัฐต้องระวังการใช้เงิน แนะปรับโครงสร้างจริงจัง
4 ก.ค. 67 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวปาฐกถาพิเศษ ทิศทางเศรษฐกิจไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 27 ปี สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีพื้นฐานแข็งแรง แต่ไม่เติบโต ถึงเวลาที่ต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังและเร่งด่วน
รัฐบาลต้องผลักดันนโยบายต่าง ๆ ให้เกิดผล โดยเฉพาะนโยบายที่จะสร้างรายได้ให้ประชาชน หรือสร้างการจ้างงาน เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ

สำหรับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ตนมองว่า เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี ช่วยพี่น้องประชาชนที่ขาดรายได้ แต่ตอนนี้การใช้เงินของภาครัฐต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เงิน 500,000 ล้านบาทในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต้องคิดให้ดี คิดให้หนัก ดูภาระการคลังของประเทศด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ
นายปานปรีย์ ยังแสดงความเป็นห่วงเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ IMF คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้โตเพียง 2.2-2.7% ส่วนธนาคารโลกก็เพิ่งปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือ 2.4% ขณะที่หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงกว่า 60% และหนี้ครัวเรือนกว่า 90% ของจีดีพี
ขณะที่เศรษฐกิจไทยพึ่งพา 4 เครื่องยนต์ คือ การบริโภค การใช้จ่ายภาครัฐ การส่งออก และการลงทุน แต่ปัจจุบันเครื่องยนต์หลักอย่างการส่งออกและการลงทุนทำงานได้ไม่เต็มที่ สิ่งสำคัญคือ ต้องการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ก่อนที่จะสายเกิน แม้ว่าที่ผ่านมาจะถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไม่เป็นรูปธรรมเสียที มิเช่นนั้น เศรษฐกิจก็จะชะลออยู่แบบนี้ ยากที่จะเติบโต
นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงมีปัจจัยภายนอกที่ต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน, เงินเฟ้อ, ต้นทุนทางพลังงานที่ผันผวนจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์, มาตรการกีดกันทางการค้า หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ, ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเคน อิสราเอล-ฮามาส เป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความไม่แน่นอน และมีความหวั่นไหวมาก

รวมถึง Technology Disruption และ Climate Change ที่ทำให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องปรับตัว ตลอดจนห่วงโซ่อุปทานโลก และการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนทั่วโลก ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทิศทางเศรษฐกิจ
นายปานปรีย์ มองว่า ไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและแข็งแรง แต่เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าเดิม ไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันตามกระแสโลก โดยมีข้อเสนอ ได้แก่
- ไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความยืดหยุ่นในการปรับตัวของนโยบายเศรษฐกิจไทยมีความสำคัญเป็นอย่างมาก รัฐบาลควรมีนโยบายและมาตรการเพื่อปรับทิศทางการบริหารเศรษฐกิจของประเทศให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ ของโลก
- วิสัยทัศน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีการดำเนินการมาถูกทางแล้ว เช่น การปรับโครงสร้างเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล Industry 4.0 หรือการต่อยอดการพัฒนา Eastern Seaboard มาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC แต่หลายเรื่องยังขาดมาตรการรองรับที่ซัดเจน และยังมีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่ต้องเร่งแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย
- การที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงระหว่างการเปลี่ยนผ่านไปสู่ Digital Economy, Green, และ Clean Econony เราคงไม่สามารถที่จะละทิ้งอุตสาหกรรมเก่าไปหาอุตสาหกรรมใหม่ทั้งหมดได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้อง Re-Balance การดูแลอุตสาหกรรมเก่า ให้เข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมได้อย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่
“ปู-มัณฑนา” ถึง สน.ทองหล่อแล้ว-คู่กรณีซัดกลับดอกเบี้ยโหดลูกหนี้เสนอเอง!
มั่นใจ "บิ๊กโจ๊ก" โอกาสชนะสูง เชื่อ โดนรวมหัวสกัดให้พ้นทาง
สรุป 8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 โปรแกรมรอบก่อนรองฯ เวลาแข่งขัน EURO 2024