นักวิชาการมองเศรษฐกิจโตต่อ ฟอร์มรัฐบาลใหม่ได้ใน 1-2 เดือน
นักวิชาการ มองเศรษฐกิจไทยโตต่อไม่กังวลสุญญากาศการเมือง เชื่อฟอร์มรัฐบาลใหม่ได้ใน 1-2 เดือน นโยบายส่วนใหญ่ไปต่อได้ จับตาดิจิทัลวอลเล็ต
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ว่า ผลจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งที่จะลงทุนในไทยช่วงครึ่งปีหลังเกิดการชะลอตัว เพื่อดูทิศทางนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มต่างประเทศที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีเคยเชิญชวนมาลงทุนโครงการต่าง ๆ ซึ่งกลุ่มนี้อาจชะลอการลงทุนเพื่อดูแนวโน้มรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะมีทิศทางอย่างไร
สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจบ้าง แต่การฟอร์มรัฐบาลใหม่ไม่น่าจะยืดเยื้อ คาดว่าใช้เวลา 1-2 เดือนเกิดช่วงสุญญากาศทางการเมืองไม่นาน อาจส่งผลกับการลงทุนภาครัฐ การขับเคลื่อนนโยบายที่ชะงักไปเพียงชั่วคราว แต่มองว่า 60-70% นโยบายของรัฐบาลเดิมยังสามารถเดินหน้าต่อได้ ในภาพรวมมองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67-68 และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโต ส่งผลให้ตลอดทั้งปี 67 เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้สูงกว่า 2% ตามที่รัฐบาลชุดเก่าตั้งเป้าไว้
ต้องยอมรับว่านักลงทุนบางส่วนพอเห็นสถานการณ์นี้อาจจะชะงัก และอาจจะหยุดไปบ้างอันนี้ต้องยอมรับ ส่วนใหญ่ผมคิดว่าเรื่องนโยบายไม่เปลี่ยนแปลง พูดง่าย ๆ เสถียรภาพทางการเมืองไม่กระทบกับเสถียรภาพนโนบาย ซึ่งยังคงได้ 60-70% ตัวนี้จะเป็นส่วนช่วยหลังจากที่ฟอร์มรัฐบาลแล้ว ผมคิดว่าโดยภาพรวมภาพใหญ่ ๆ นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ซึ่งเป็นตัวที่กระตุ้นเศรษฐกิจยังคงอยู่ อาจจะกระทบที่ยังไม่ค่อยแน่ใจเช่นดิจิทัล แต่ผมเชื่อว่าทางด้านของเพื่อไทยคงพยายามที่จะผลักดันต่อ.....นายสมชายกล่าว
เปิดขั้นตอน! เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขานชื่อเปิดเผย-ไม่มี สว.ร่วมด้วย
เปิดประวัติ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกฯ คนที่ 31 ของไทย
อนามัยโลกประกาศ “ฝีดาษลิง” เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระดับโลก
ส่วนนโยบายที่หลายฝ่ายจับตาคือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งนายสมชายยอมรับว่ายาก แม้จะเป็นนโยบายหาเสียงของทางพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนโยบายนี้อาจมีปัญหา หากนายกฯ ไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย รัฐบาลชุดใหม่อาจมองว่าเป็นนโยบายที่เสี่ยงต่อเสถียรภาพการคลัง เพิ่มหนี้สาธารณะ การขาดดุลงบประมาณ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยต้องพยายามผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็อยู่ที่การเจรจาของพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่
ดิจิทัลวอลล็ตเป็นนโยบายซิกเนเจอร์ ยังไงเพื่อไทยก็ต้องผลักดันแม้จะไม่มีนายเศรษฐา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คิดว่าเขาไม่เอาแน่ เพราะตอนนั้นมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมาย ม.28 ธ.ก.ส. แต่ตอนนี้มันคลี่คลายลงแล้ว ความเสี่ยงลดลง แต่ไม่ได้หมดไป ยังมีประเด็นปัญหากรอบวินัยการเงินการคลัง เพราะดิจิทัลวอลเล็ตทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มราว 65% การขาดดุลงบประมาณเกือบ 5% ถ้านายกฯ ไม่ได้มาจากเพื่อไทยอาจมีประเด็นปัญหาได้ เพราะไม่อยากจะเสี่ยง แต่เพื่อไทยคงพยายามผลักดันต่อ เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เพราะมาถึงจุดนี้แล้ว ใกล้จะใส่เงินเข้าไปอยู่แล้ว แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็อยู่ที่การเจรจาของพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่.....นายสมชายกล่าว
นายสมชายยังมองว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นฝ่ายค้านเป็นไปได้ยาก เพราะจะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย การยุบสภายิ่งมีโอกาสยากเช่นกัน จึงเชื่อว่ายังคงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม เพียงแต่ปรับ ครม. อาจทำให้นโยบายบางส่วนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง