สรุปวิสัยทัศน์ "ทักษิณ" 14 นโยบายเศรษฐกิจส่งต่อรัฐบาล "แพทองธาร"
กางนโยบายเศรษฐกิจ 14 ประเด็น "ทักษิณ ชินวัตร" ผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ครั้งแรกในรอบ 17 ปีที่อาจส่งต่อถึงมือรัฐบาล "แพทองธาร" ในการบริหารประเทศอีก 3 ปีหลังจากนี้
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บนเวที Vision for Thailand 2024 ในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนไปอย่างไร ทิศทางการเมืองไทยนับต่อจากนี้” ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ Nation TV เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567
นายทักษิณ กล่าวว่า อยู่เมืองนอก 17 ปี เหมือนถูกส่งไปเรียน post doctoral (นักวิจัยหลังปริญญาเอก) ตอนบินกลับมา เครื่องบิน บินช้า ใช้เวลา 6 เดือน เพราะต้องไปแวะโรงพยาบาลตำรวจ ตอนนี้อายุ 75 ปี มีเรื่องที่อยากจะแชร์ให้ฟัง ว่าเห็นอะไร คิดอะไรบ้าง
การแสดงวิสัยทัศน์ครั้งนี้ นายทักษิณ พูดถึงนโยบายเศรษฐกิจที่อาจจะเป็นทิศทางการทำงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หลังจากนี้ วิสัยทัศน์ทั้งหมดเป็นอย่างไร ทีมข่าว PPTV รวบรวมมานำเสนอไว้ ดังนี้
เดินหน้า “ดิจิทัลวอลเล็ต” ดีเดย์ ก.ย.แจกกลุ่มเปราะบาง
นายทักษิณ กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการยิงนก 3 ตัวด้วยกระสุน 1 นัด
กระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับเหตุผลที่ไม่ใช้เงินสด เพราะระบบหลังบ้านของดิจิทัลวอลเล็ตคือ Block Chain ควบคุมและกำหนดพื้นที่การใช้เงินได้ดี สร้างความแม่นยำในการใช้จ่าย ทำให้ “เศรษฐกิจจะได้ชุ่มฉ่ำกันทั้งประเทศ”
ส่งเสริมการเรียนรู้เทคโนโลยี ผ่านการใช้งาน ดิจิทัลวอลเล็ต
เก็บข้อมูลดิจิทัลไอดี ผ่านการลงทะเบียนผ่านซูเปอร์แอปฯ “ทางรัฐ” ทำให้มีข้อมูลที่รัฐนำไปใช้ประโยชน์ต่อ ส่งเสริมให้คนเข้าถึงทุกบริการของภาครัฐได้ทั้งหมด
นายทักษิณ บอกว่า คณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตมาเล่าให้ฟังว่า มีงบประมาณปี 2567 ที่ต้องใช้ภายในเดือนกันยายน ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท (งบกลางปี 1.22 แสนล้านบาท และ งบกลาง 2 หมื่นล้านบาท) เงินจำนวนนี้จะนำไปใช้กับ 14.5 ล้านคนที่เป็นกลุ่มเปราะบางและคนพิการ ให้คนละ 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้นทันทีในเดือนกันยายน
ต่อมาเดือนตุลาคม เริ่มใช้งบประมาณปี 2568 จะนำคนที่ลงทะเบียน “ทางรัฐ” กว่า 30 ล้านคนมาคัดกรอง และเริ่มให้เงิน 10,000 บาทกับคนกลุ่มนี้ต่อไป
ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน ปลดโซ่ตรวนคนตัวเล็ก
นายทักษิณ กล่าวว่า สังเกตเห็นคนไทยไม่ค่อยยิ้มเหมือนเดิม เพราะหนี้สินเยอะ โอกาสทางเศรษฐกิจน้อย ชีวิตไม่ค่อยมีความสุข เห็นคนไทยพึ่งพามูเตลูเยอะ
หนี้สินของรัฐ อาจแก้ได้โดยการทำให้จีดีพีโตขึ้น เพื่อทำให้สัดส่วนหนี้สินลดลง แต่สำหรับประชาชนที่มีหนี้ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ แก้แบบเดียวกันไม่ได้ และวันนี้ไม่อยากเห็นคนไทยถูกยึดบ้าน ต้องขนของออกจากบ้านที่ซุกหัวนอน
โดยสิ่งที่ควรทำ คือการถอดโซ่ตรวนเพื่อให้ทุกคนวิ่งได้ คือ การปรับโครงสร้างหนี้ เป็นเรื่องที่ รมว.คลัง ต้องคุยกับสมาคมธนาคารและนักซื้อหนี้ทั้งหลาย เพื่อกำหนดแนวทางว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร
นายทักษิณ กล่าวว่า วันก่อนคุยกับทางธนาคารพาณิชย์ เขาแนะนำเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาลดเงินจ่ายเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน หรือ FIDF และเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รวมอยู่ที่ 0.46-0.47% ลงครึ่งหนึ่ง เหลือ 0.23% ส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้ธนาคารพาณิชย์นำไปบริหารหนี้รถยนต์ หนี้บ้าน ก็จะได้ยอดหนี้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท ไม่ทำให้เกิดหนี้เสีย ทำให้คนไทยอยู่ต่อไปได้
“เราแฮร์คัทภาคธุรกิจได้ แล้วเราจะแฮร์คัทภาคประชาชนได้หรือไม่ เป็นข้อเสนอที่คาดว่ากระทรวงการคลังจะทำต่อ”
นายทักษิณ ยังกล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การประสานนโยบายเศรษฐกิจกับ ธปท. โดยที่ยังเคารพความเป็นอิสระของ ธปท.
“ธปท. ลดซัพพลายเงินตั้งแต่ พ.ค. เดือนละ 1% ทำไปเรื่อย ๆ แต่รัฐบาลมองเห็นว่า หากทำแบบนี้ต่างจังหวัดจะไม่มีเงินใช้ เสมือนปลาที่ไม่มีน้ำ อาจส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจต่างจังหวัดที่เดินหน้าต่อไปไม่ได้”
เครื่องบินเล็กไม่มีกล่องดำข้อมูลการบิน! เหตุขัดข้องยังเป็นปริศนา
เพจดังไขคำตอบ! น้ำท่วมภาคเหนือรอบนี้ ภาคกลางจะไม่เหมือนปี 54
เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลชายไทย ทำศึกซี วี ลีก 2024 สัปดาห์ 2
ขุด “เศรษฐกิจใต้ดิน” Entertainment Complex ดันจีดีพีโต 50%
นายทักษิณ กล่าวว่า ไทยมีลักษณะคล้ายกับเม็กซิโก ฟิลิปปินส์ และโคลอมเบียในอดีต ที่มีเศรษฐกิจใต้ดินสูงมาก ปัจจุบันตัวเลขสูงเกิน 50% ของจีดีพี หากทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาอยู่บนดิน จะทำให้จีดีพีของประเทศเพิ่มขึ้นอีก 50% ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนหนี้ของประเทศลดลง ความสามารถในการใช้หนี้เพิ่มขึ้น
“Entertainment Complex ในหลายประเทศ วันนี้มีคนเชียร์เยอะ ในนี้จะประกอบด้วยหลายอย่าง สวนสนุก คอนเสิร์ตฮอล์ สนามกีฬา เป็นกาสิโนจริงๆ มีไม่ถึง 10% ของพื้นที่”
นายทักษิณ ย้ำว่า โครงการนี้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก เฉพาะใน กทม.ต้องมีอย่างน้อยแสนล้านบาท เพราะลงทุนน้อยๆ ไม่เอา มันไม่หล่อ เพราะจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้
นอกจากนั้นยังพบว่า เศรษฐกิจใต้ดินที่มีอยู่ 50% แยกเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ ยาเสพติด และ การพนันออนไลน์ มีคนบอกว่า คนไทยขาดทุนให้กับออนไลน์ต่างประเทศปีละ 1.7 แสนล้านบาท
ส่วนข้อมูลในประเทศ พบว่ามียอดเงินฝากเพื่อเล่นพนันออนไลน์ 3 ล้านล้านบาท มียอดเงินที่เล่นกันรวม 5 แสนล้านบาทต่อปี หากผลักดันไปสู่การเก็บภาษีได้ 30% เราอาจทำให้รัฐจะมีเงินประมาณ 90,000 ล้านบาท และนำเงินเหล่านี้ไปต่อยอดเรื่องการศึกษาให้กับคนไทย เพื่อให้คนไทยได้เก่งขึ้น ได้พัฒนาขึ้น
รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
นายทักษิณ บอกว่า รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ต้องทำให้สำเร็จ เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยบอกแล้วว่า พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ดังนั้นอาจจะต้องเวนคืนรถไฟฟ้าที่เอกชนบริหาร เพื่อให้กลับมาเป็นของรัฐ และจ้างเอกชนเป็นคนบริหารอีกทีหนึ่ง โดยรัฐกำหนดค่าตั๋วเอง
นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงคิดถึงการเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) ไทยเป็นกลุ่มน้อยของประเทศที่มีความหนาแน่นของเมืองหลวง แต่ไม่ยอมเก็บค่าธรรมเนียมนี้ หากทำได้จะมีเงินเข้าสู่กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อนำมาใช้สำหรับการทำให้ประชาชนเดินทางรถสาธารณะในราคาถูกขึ้น และอีกทางหนึ่งจะทำให้คนมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น จำนวนรถลดลง ทำให้ระบบจราจรดีขึ้น
ถมทะเลบางขุนเทียน สร้างแผ่นดินใหม่ ลดความแออัด
นายทักษิณ กล่าวว่า น้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำประเทศสูญเสียเยอะ งบกระตุ้นเศรษฐกิจก็สามารถเอามาใช้แก้ปัญหาได้ เรื่องนี้ต้องแก้ทั้งระบบ และมีอีกเรื่องที่พูดไว้นานแล้ว คือ การถมทะเลบางขุนเทียน เพื่อให้ได้พื้นที่ขยายความแออัดของ กทม.ออกไปบางส่วน รวมถึงวางแผนสร้างเมืองใหม่ เป็นเมืองสีเขียว อนุญาตให้รถไฟฟ้าวิ่งเท่านั้น รวมถึงมีรถไฟเชื่อม และที่สำคัญยังเป็นพื้นที่ป้องกันน้ำท่วม กทม.ได้อีกด้วย
ส่วนรถไฟความเร็วสูงจากหนองคายถึงนครราชสีมา นายทักษิณ ย้ำว่า ต้องทำให้เสร็จ เพื่อเชื่อมเส้นทางสายไหม one belt one road ของจีน และถือโอกาสปีหน้า ครบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ทำเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ
ขยาย “กองทุนวายุภักดิ์” รักษาเสถียรภาพตลาดทุน
นายทักษิณ บอกว่า ได้พูดคุยกับ รมว.คลัง ที่มีแนวคิดอยากขยายกองทุนวายุภักดิ์ เพราะที่ผ่านมา เมื่อต่างชาติไม่มีความเชื่อมั่น เขาก็จะขายหุ้นทิ้ง ทำให้หุ้นเราตกต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น
การขยายกองทุนวายุภักดิ์จะทำหน้าที่เป็น treasury stock ของประเทศไทย ถ้าราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น กองทุนวายุภักดิ์ก็จะเข้าไปซื้อไว้
จัดระเบียบโครงสร้างภาษี
นายทักษิณ บอกว่า มีเรื่องที่กระทรวงการคลังคิดดังๆ อีกเรื่อง คือการจัดระเบียบ การจัดเก็บภาษี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคลธรรมดา จะลดภาษีได้หรือไม่ เพื่อให้ไทยเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม การลดภาษีดังกล่าว จะเดือนร้อนไปถึงการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งแน่นอนว่าจะเดือดร้อนคนระดับล่าง เรื่องนี้ รมว.คลังบอกว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถส่งคืนได้ และปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถคืนภาษีได้รวดเร็วทันที เป็นเรื่องของ Negative Income Tax
“อยากเห็นคนไทยกรอกข้อมูลเสียภาษี เพราะถ้าจัดระเบียบได้ ใครรายได้ต่ำก็ได้คืนภาษี ส่วนคนไหนรายได้สูงก็เสียภาษีตามกติกา”
Safe Haven ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก
นายทักษิณ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในไทย จะทำให้เป็น Safe Haven สำหรับทั่วโลก เพราะไทยไม่มีปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ใครอยากค้าขายกับจีน อเมริกา ยุโรป มาดำเนินการที่ไทยได้ ไม่มีปัญหา
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าสนใจคือ Data Center มีคนสนใจประเทศไทยจำนวนมาก แต่ปัญหาที่กังวลคือเรื่องค่าไฟและพลังงานสะอาด ล่าสุดได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพลังงานเป็นอย่างดี
“ใครต้องการพลังงานสะอาด ถ้าภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำเอง ก็ทำได้ แต่ห้ามทำเพื่อขาย เพราะเราไม่ให้ทำธุรกิจไฟฟ้า แต่ถ้าทำใช้เอง เราก็ไม่ว่า”
สร้างศูนย์กลางผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แบบพวงมาลัยขวา
นายทักษิณ มองว่าเป็นเรื่องที่ต้องหาความพอดีให้เจอ และมองว่าไทยควรเป็นฐานการผลิตรถพวงมาลัยขวา เหมือนกับที่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) คุยกับค่าย MG ซึ่งเราก็อยากเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นกับ BYD , GWM รวมถึงรถยนต์ค่ายอื่น เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต
ทำลีก “มวยไทย” ดันซอฟต์พาวเวอร์จริงจัง
นายทักษิณ ย้ำว่า รัฐบาลนี้เอาจริงเอาจังกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ และมวยไทยเป็นสิ่งที่ถูกส่งเสริมไปแล้วทั่วโลก แต่ยังขาดมาตรฐาน จำเป็นต้องสร้าง ecosystem ของมวยขึ้นมาใหม่ โดยได้แนะนำทีมซอฟต์พาวเวอร์ไปว่า อยากทำให้มวยไทยมีลีกการแข่งขันเหมือนฟีฟ่าได้หรือไม่
เมื่อมวยไทยมีมาตรฐาน จัดการแข่งขันได้ทั่วโลก นำไปสู่การฝึกครูมวย ฝึกกรรมการห้ามมวยให้ได้มาตรฐาน เชื่อว่า มวยไทย จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่จับต้องได้เร็วที่สุด เพราะมีโดยธรรมชาติของมันแล้ว
ผลักดัน Man-made attraction ทางเลือกใหม่ด้านการท่องเที่ยว
นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่อยากเห็นการเพิ่มศักยภาพและสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว แม้ว่าที่ผ่านมาทำได้ดีมากแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีช่องพัฒนาให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมได้
ส่วนหนึ่งเพราะไทยอยู่ใกล้กับจีน และ อินเดีย สองประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีประชากรเกิน 1 ใน 3 ของโลก ดังนั้นตลาดของไทยมีโอกาสที่จะรับนักท่องเที่ยวได้อีกมาก
“ต้องทำห้องน้ำตามสถานที่ท่องเที่ยวให้สะอาด ปรับปรุงสนามบินต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง และต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Man-made attraction เช่น สร้างสวนน้ำดึงนักท่องเที่ยว และรัฐต้องลงทุนอีกหลายที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่ไม่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวทั่วไป”
ปราบยาเสพติดผ่านการลดจำนวนผู้เสพ
นายทักษิณ กล่าวว่า เรื่องของยาเสพติด ทำให้คนวัยทำงานเสียหายไปหลายส่วน แต่ปัจจุบันไม่สามารถปราบปรามได้เหมือนสมัยที่ตนเองเป็นรัฐบาล เพราะฐานการผลิตอยู่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเรา
ปัจจุบัน พ่อค้ารายใหญ่เหลือน้อย มีแต่รายย่อย ดังนั้นต้องวางแผนใหม่ นำคนติดยากลับไปบำบัด ดึงดีมานต์ออกจากซัพพลาย เพื่อให้เขาขายไม่ได้ และเข้าใจว่ากระทรวงยุติธรรมและนักการเมืองหลายพื้นที่กำลังตั้งแคมป์ที่เรียกว่า คืนคนดีสู่สังคม
แก้ปมเขตทับซ้อน-ใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเล
นายทักษิณ บอกว่า สำหรับเขตทับซ้อนทางทะเลเป็นเรื่องที่อยากพูด โดยหลักการคือ เราต้องลากไหล่ทวีปออกจากแผ่นดินไป 200 ไมล์ทะเล ทั้งสองประเทศเกยกันตรงไหนถือเป็นเขตทับซ้อน หากมีทรัพยากรอยู่ ก็แบ่งกันคนละ 50% เหมือนสิ่งที่เราทำกับมาเลเซียสำเร็จมาแล้ว
“เป็นหลักการที่เราต้องทำ เพราะน้ำมันกับแก๊สที่มีอยู่จะใช้ไม่ได้แล้ว อนาคตคนจะรังเกียจฟอสซิลไปใช้พลังงานสะอาด ตอนนี้กำลังให้เขาไปศึกษาว่า นอร์เวย์ทำอย่างไรที่เอาทรัพยากรธรรมชาติมาแบ่งกับประชาชนทั้งประเทศ นำไปเฉลี่ยกับการราคาที่นำเข้าพลังงาน เพื่อทำให้เราใช้พลังงานในราคาที่ถูกลง”
ปลดล็อกต่างชาติซื้อที่ดิน ถือครองโฉนดผ่าน “ธนารักษ์”
นายทักษิณ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทั่วโลกพูดถึงการขายที่ดินให้คนต่างชาติ เพื่อที่จะให้คนต่างชาติเข้ามานำเงินใช้ในประเทศ ที่ผ่านมาพบเศรษฐีอินเดียไปสร้างบ้านดูไบเยอะมาก ทำให้ราคาที่ดินขึ้นสูงทั้งหมด
หากไทยจะทำ อยากแนะนำว่า การซื้อขายที่ดินอาจโอนโฉนดให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล เพื่อให้เขาได้สัญญาเช่าที่มั่นคง 99 ปี พอครบกำหนด ที่ดินตกเป็นของหลวง ดังนั้นจะไม่มีต่างชาติเอาที่ดินไปได้เลย
“เมื่อต่างชาติซื้อที่ดินเยอะ ราคาจะขึ้น เราก็นำเงินไปสร้างบ้านที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ จับต้องได้ เป็นเรื่องที่เราจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตและดูแลคนที่มีโอกาสน้อยไปด้วย”