การเมืองไทยยังคงอยู่ในภาวะที่ตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นของความโกลาหลในการตั้งคณะรัฐมนตรีของนายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” หรือ “ครม. อิ๊งค์ 1” เพราะเป็นการเตรียมจัดตั้ง ครม. ที่ทั้งการงัดข้อวัดพลังกันของ 2 ขั้วภายในพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง “ตาอยู่” อย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่รอเสียบเข้าร่วมรัฐบาล
ประชาชนคนไทยในตอนนี้จึงได้แต่มองตากันปริบ ๆ ยังนึกภาพไม่ออกว่าการเมืองไทยจะลงเอยอย่างไร และจะได้ ครม. หน้าตาแบบไหนมาแก้ไขปัญหาของประเทศ
แต่ท่ามกลางความวุ่นวายเหล่านี้ สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะแน่นอนคือ สถานการณ์ทั้งหมดอาจเป็นแผนการแก้แค้นของอดีตนายก “ทักษิณ ชินวัตร” ?
คนเลือก ครม. คือนายกฯ ตัวจริงที่ชื่อทักษิณ?
เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ เข้มข่าวเย็น ช่วง Exclusive Talk ทางช่อง PPTV HD 36 เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 67 ว่า กรณีที่พรรคพลังประชารัฐแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่าย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และฝ่าย “ผู้กอง” ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยที่ต่างฝ่ายต่างส่งโผรายชื่อนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยจนเกินโควตานั้น หลายคนอาจมองว่าเป็นการวัดใจนายกฯ แพทองธารว่าจะหยิบชื่อจากกลุ่มไหน แต่ส่วนตัวมองว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่ น.ส.แพทองธาร
“ถามว่าจะเลือกชื่อจากกลุ่มไหน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณแพทองธาร แต่อยู่ที่คุณทักษิณ นายกรัฐมนตรีตัวจริงต่างหาก เพราะคุณแพทองธารเป็นแค่ผู้ช่วยนายกฯ เท่านั้นในทางปฏิบัติ” คุณเทพไทกล่าว
อดีต สส. เสริมว่า ถ้าดูท่าทีของนายทักษิณที่ผ่านมา เชื่อว่าคงเลือกชื่อฝ่ายผู้กองธรรมนัสมากกว่า เพราะเขาพูดตลอดว่า ใครทุ่มเทให้รัฐบาลจะเลือกฝ่ายนั้น รวมถึงก่อนหน้านี้ยังถามด้วยว่า ทำไม พล.อ.ประวิตรไม่มาโหวตนายก หรือก่อนหน้านั้นอีกที่ออกมาตำหนิคนในป่าว่าวุ่นวาย บ่งบอกชัดเจนว่านายทักษิณเลือกแล้ว
“ยิ่งดูพฤติกรรมของผู้กองธรรมนัสที่แสดงออกในช่วงที่ผ่านมา มีความมั่นใจมากขึ้น” คุณเทพไทบอก
แต่เมื่อพรรคพลังประชารัฐถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน จาก สส. ราว 40 คนอาจเหลือครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งจะมาจากที่ไหน หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าผู้ที่อาจเป็น “ตาอยู่” คว้าพุงเพียว ๆ ไปกิน คือพรรคประชาธิปัตย์
คุณเทพไทมองว่า “พรรคประชาธิปัตย์รอเสียบอยู่ ตั้งแต่ยุคอดีตนายกฯ เศรษฐา ตอนนี้ได้โอกาสแล้ว พอผู้กองธรรมนัสมาซีกเดียว ฝั่งบิ๊กป้อมไม่มา ก็เอาประชาธิปัตย์มาเสียบ”
เขาเสริมว่า เมื่อเป็นอย่างนี้ ”คุณทักษิณสบายเลย เพราะยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ตัดบิ๊กป้อมออกไปก็ถูกใจ ไม่อยากได้อยู่แล้ว ส่วนประชาธิปัตย์ผู้อาวุโสในพรรคไม่เอาด้วย เพราะโดยจุดยืนต้องไม่ไป ก็แบ่ง 2 ขั้วอีกในพรรค คุณทักษิณชอบ ได้ล้างแค้นประชาธิปัตย์ที่เป็นไม่เบื่อไม้เมากันมา 25 ปี ตอนนี้ประชาธิปัตย์มาซบตักเองเลย”
คุณเทพไทบอกว่า “ยิ่งแตกยิ่งเสื่อมยิ่งชอบ เกมการเมืองครั้งนี้ คุณทักษิณได้เปรียบที่สุด ถือไพ่เหนือทุกพรรค ... อำนาจอยู่ที่คุณทักษิณว่าจะเอาใครร่วม ครม. ทุกคนเป็นเบี้ยล่าง”
เช็กพื้นที่ 35 จว.เฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก 9 ลำน้ำเสี่ยงล้นตลิ่ง!
5 แหล่งอาหารช่วยบำรุงความจำ ชะลอความเสื่อมของสมอง
โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.22 แสนล้าน รองรับ "ดิจิทัลวอลเล็ต"
ทุกอย่างลงล็อกไปหมด?
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อ.ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่า ถ้ามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ว่าเป็นแผนการสมคบคิด จะถือว่าเป็นแผนที่จังหวะและเวลาพอเหมาะพอเจาะมาก
“เราพอรู้อยู่แล้วว่ามีความระหองระแหงในพลังประชารัฐ ประกอบกับต้องการลบล้างที่นายกฯ แพทองธารเคยพูดเรื่องปิดสวิตช์ 3 ป. ตอนนี้สบโอกาสที่สุด พรรคพลังประชารัฐฝั่บิ๊กป้อมเชื่อผู้กองธรรมนัสคุณสมบัติอาจมีปัญหา จึงเสนอชื่อ คุณสันติ พร้อมพัฒน์ แทน เผอิญคุณสันติคุณสมบัติไม่ต่างเท่าไรในแง่ที่อาจจะต้องถูกตรวจสอบ” ผศ.วันวิชิตกล่าว
อาจารย์เสริมว่า “เมื่อคุณสันติมาแทน ผู้กองธรรมนัสถือโอกาสประกาศตัวเองเป็นไท เป็นการปิดสวิตช์ 3 ป. สไตล์คุณทักษิณ ... และนี่เป็นเกมละเอียดด้วย เพราะพอมีข่าว ผู้กองออกมาบอกชัดพร้อมจับมือประชาธิปัตย์ สามารถผนึกกำลังกับ คุณเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ตลอด มีผู้กองมีเดชอิศม์ คุยกันข้ามค่าย ถูกใจเพื่อไทย คุณทักษิณชอบการควบรวม ชอบตัวเลขเยอะ ๆ เหลือดีกว่าขาด”
อาจารย์บอกว่า สถานการณ์ที่ง่ายและลงล็อกไปหมดของพรรคเพื่อไทยตัวแปรสำคัญคือผู้กองธรรมนัส
“แต้มต่อสูงสุดตอนนี้อยู่ที่พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณ เกมจุดนี้ทุกคนต้องจำยอมเล่น คุณทักษิณคงสำรวจแล้วด้วยว่า ฝ่ายขวาอนุรักษ์นิยมช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายังไม่มีใครแข็งแรงกว่าเพื่อไทย คู่แข่งตัดสินกลายเป็นพรรคประชาชน” ผศ.วันวิชิตกล่าว
อาจารย์บอกว่า นายทักษิณมั่นใจในเกมกระดานนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นไม่มีท่าทีมั่นใจออกสื่อขนาดนี้ ต้องมีความเชื่อบางอย่าง คงมองแล้วว่าไม่มีใครพร้อมแข่งลูกสาวคือนายกฯ แพทองธาร “ย้อนดูได้เลยว่า ทุกคนถลอกปอกเปิกหมก จะมาจัดการคุณทักษิณแต่ลืมสำรวจพวกเดียวกัน”
ประชาธิปัตย์พร้อมแลกขอแค่ได้ร่วมรัฐบาล?
ยังคงมีคำถามสำคัญคือ หากพรรคประชาธิปัตย์เสียบเข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจริง จะไม่เสียจุดยืนที่เคยต่อสู้ต่อต้านระบอบทักษิณมาดยตลอดหรือ
เรื่องนี้คุณเทพไทมองว่า ในการโหวตเลือกนายกฯ แพทองธาร ตามมารยาทฝ่ายค้านต้องโหวตสวน แต่อันนี้งดออกเสียง แสดงว่ามีความถนอมน้ำใจกัน
แต่คุณเทพไทบอกว่า ถ้าประชาธิปัตย์เข้าร่วมกับเพื่อไทยครั้งนี้ จะเป็นการฆ่าตัวตายครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกคือตอนตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผลของการเข้าร่วมพิสูจน์ออกมาในตอนเลือกตั้งปี 2566 เพราะจากที่ได้คะแนนเสียง 52 ที่นั่ง กลับเหลือเพียง 25 ที่นั่ง “คะแนนโหวตจาก 3.9 ล้านเสียงเหลือ 9 แสนเสียง แสดงว่า ประชาชนไม่เอากับคุณแล้ว รอบนี้ถ้าเอาเพื่อ เป็นการฆ่าตัวตายรอบ 2”
ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กลุ่มนี้คงไม่เห็นด้วย แต่ธรรมเนียมพรรค ถ้ามติพรรคเป็นอย่างไรต้องปฏิบัติตาม แต่สงวนเอกสิทธิ์ สส. บางอย่าง เช่น การตั้งกระทู้ซักฟอกรัฐบาล การเสนอญัตติ เป็นเหมือนฝ่ายค้านในฝั่งรัฐบาล
เมื่อถามว่า สส.ประชาธิปัตย์ไม่กลัวสูญพันธุ์ทางการเมืองหรือ คุณเทพไทมองว่า ระบบเลือกตั้ง 2 ใบทำให้นักการเมืองการเอาตัวรอดได้ง่าย เพราะสามารถเลือกพรรคอื่นได้ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ แต่ระบบบัญชีรายชื่อยังเป็นนักการเมืองประชาธิปัตย์ได้อยู่ ไม่ต้องเลือกพรรคก็ได้
“สส.หลายคนตอนนี้ไม่ได้สนพรรค ... อาจจะคิดว่าพรรคตกต่ำไม่เป็นไร ขอให้ได้เข้าร่วมรัฐบาลก่อน” คุณเทพไทกล่าว
เกมที่ประชาชนไม่ได้อยู่แม้แต่ขอบกระดาน?
อาจารย์วันวิชิตบอกว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้ เป็นการเล่นเกมกันของนักการเมืองโดยแท้ ไม่มี “ประชาชน” ผสมรวมอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ผู้ชนะกวาดหมด คุณทักกำลังได้เปรียบที่สุด กวาดหมดทุกอย่าง ได้ทั้งตัวเลขที่นั่ง สส. ได้วาทกรรมว่า ถ้าไม่ดีแล้วประชาธิปัตย์มาอยู่กับผมทำไม เป็นข้ออ้างสวยหรูของนักการเมืองเอาไว้หลอกประชาชน” ผศ.วันวิชิตกล่าว
อาจารย์เสริมว่า “นักการเมืองไม่เคยคิดถึงประชาชนในหัวเป็นคำแรกเลย คิดแต่เรื่องงบประมาณ ขณะที่พรรคประชาชนเจาะความเชื่อชนะใจคนได้ เข้าหาประชาชน มองประชาชนเป็นคน แต่หลายพรรควางตัวเป็นนาย กราบไหว้แค่เวลาหาเสียง”
เรื่องนี้ยังสะท้อนชัดผ่านการเลือกรัฐมนตรี คุณเทพไทบอกว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีอดีตนายกฯ เศรษฐา เรื่องวิจารณญาณของวิญญูชนในการเลอกรัฐมนตรี เข้าใจได้ว่า ไม่ต้องมีหลักฐานหรือตัวคดีหรือผลของคดี แค่ประชาชนรู้สึกว่าใครเทา ๆ ก็ถือว่าผิดแล้ว
“เชื่อว่า ถ้าเอาจริยธรรมวิญญูชนของศาลรัฐธรรมนูญมาจับ สส.โดนกันเกินครึ่งสภา” คุณเทพไทบอก และเสริมว่า สังคมไทยนักการเมืองหน้าหนา สปิริตต่ำ ถ้าเป็นรต่างประเทศรถไฟตกรางก็ลาออกแล้ว แต่ไทยไม่มี ติดคุกเมืองนอกยังเป็นรัฐมนตรีได้ นักเลงก็เป็นได้ ค้ายาก็เป็นได้ แต่วันนี้บรรทัดฐานศาลรัฐธรรมนูญบอกแล้วว่าอาจเข้าข่าย
คุณเทพไทกล่าวว่า “ครม.ตอนนี้ มีแต่การถกกันว่าใครจะเป็นรัฐมนตรีอะไร พรรคนี้ได้โควตาเท่าไร ถ้าไม่ผ่านจริยธรรม ส่งลูกส่งน้องส่งนอมินีมาแทนได้หรือไม่ เป็นผลประโยชน์นักการเมืองล้วน ไม่มีประชาชนเลย”
อดีต สส. เสริมอีกว่า ก่อนเป็นรัฐบาลควรต้องมีการคิดว่า อุดมการณ์ของแต่ละพรรคไปกันหรือไม่ นโยบายสอดคล้องกันหรือไม่ นี่คนละขั้ว 25 ปียังมาจับมือจูบปากกันได้ นโยบายไม่พูดสักข้อ ดิจิทัลบางคนเคยคัดค้านวันนี้ก็ไม่พูด
เรื่องกัญชานายกฯ แพทองธารเคยพูดว่าต้องไม่เสรีเพราะกลัวลูกติด แต่ดันเป็นนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทย วันนี้คิดกันแต่ว่าคนนี้เป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ มาครึ่งพรรคได้หรือไม่ ผสมได้หรือไม่ แล้วประชาชนได้อะไร ตอนนี้ยุ่งกันแต่เรื่องของตัวเอง หากระทรวงเกรดเอเอางบประมาณ
ขณะที่กรณีมีข่าวลือว่า ครม. อิ๊งค์ 1 อาจเลือก นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี มานั่ง รมว.กลาโหม อาจารย์วันวิชิตบอกว่า การเอานายภูมิธรรมมาแทน นายสุทิน คลังแสง นั้น เป็นเรื่องที่ไม่คิดถึงประชาชน
“ผมเคยคุยกับทหาร เขาพอใจบทบาทของคุณสุทินในการจัดการเรื่องความมั่นคงช่วงเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ... ถ้าจะเชื่อมโยงความรู้ความสามารถ คุณภูมิธรรมเหมาะสุดคือเป็นรองนายกฯ และอาจจะดูและสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพราะงานกระทรวงพาณิชย์ทั้งปีที่ผ่านมาเห็นแค่เรื่องกินข้าวหุงข้าว” อาจารย์กล่าว
ผศ.วันวิชิตบอกว่า “คุณสุทินโดนเตะเสียบตลอดเวลา ทำไมไม่มองเนื้องาน การวางชื่อแบบนี้เห็นด้วยกับคุณเทพไท คือไม่มีประชาชนในสมการ ทำไมไม่เอาเรื่องความรู้สามารถหรือความเกี่ยวข้อง จากกระทรงงเดิมผลงานไม่ปรากฏจะไปกระทรวงใหม่ล้ำกว่าเดิม ประชาชนได้อะไร มันเป็นการต่อรองนักการเมือง โดยทิ้งประชาชนอยู่ข้างหลัง”
- คอนเทนต์พิเศษ
สำหรับคุณ - TOP การเมือง
- วิดีโอยอดนิยม
