ดัชนีอุตฯ ก.ย. 67 หดตัวต่อเนื่อง 3.51% จาก ศก.ไทยอ่อนแอ-หนี้เสียพุ่ง
สศอ.เผยดัชนี MPI ก.ย. 67 หดตัว 3.51% กดดันไตรมาส 3 หดตัว 1.23% พร้อมแนะผู้ประกอบการอุตฯ ไทย ปรับตัวรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ก.ย. 67 อยู่ที่ระดับ 92.44 หดตัว 3.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ไตรมาส 3 ปีนี้หดตัวเฉลี่ย 1.23% หลังยอดผลิตยานยนต์ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ทั้งตลาดในประเทศและส่งออก จากเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือนและสถานการณ์หนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ
แนะผู้ประกอบการเตรียมรับผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เน้นปรับตัว-บริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม

นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการ สศอ. เปิดเผยว่า ดัชนี MPI ก.ย. 67 อยู่ที่ระดับ 92.44 หดตัว 3.51% มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 57.47% ส่งผลให้ดัชนี MPI ไตรมาส 3 ปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 94.74 หดตัวเฉลี่ย 1.23% มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 58.29 หดตัวเฉลี่ย 0.11%
โดยการผลิตยานยนต์ยังปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ทั้งตลาดภายในประเทศและส่งออก จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือนสูง และสถานการณ์หนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ยังอยู่ในระดับที่สูง ทำให้สถาบันการเงินยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อและยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันต้นทุนพลังงานอยู่ในระดับสูง และปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งสินค้าที่ทะลักเข้ามามาก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และเสื้อผ้า เป็นต้น ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัว 2.86% และไตรมาส 3 ปีนี้ขยายตัว 7.05%
“ทนายตั้ม” แจงเงิน 10 ล้านเป็นค่าทนาย-ช่วยคดีจนจบ แต่ยังไม่พูดถึงปม บิ๊ก ตร.
วิเคราะห์บอล !! คาราบาว คัพ ไบรท์ตัน พบ ลิเวอร์พูล 30 ต.ค.67
“วันฮาโลวีน” เปิดประวัติทำไมถึงตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี

ด้านการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือน ต.ค. 67 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น” ตามการลงทุนภาคเอกชนและความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคการผลิตที่ลดลง ผู้ประกอบการยังกังวลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ และผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศมาจากภาคการผลิตของสหภาพยุโรปที่ยังคงหดตัว สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจในสหรัฐ และความกังวลต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี
สำหรับประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐมีผลต่ออุตสาหกรรมไทยนั้น มองว่ามีทั้งได้รับอานิสงส์และอาจได้รับผลกระทบ จึงมีข้อเสนอแนะผู้ประกอบการไทยปรับตัวและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสม ได้แก่
- ปรับตัวสู่เทคโนโลยีพลังงานสะอาด และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
- พัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต โดยตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงาน หรือการสูญเสียพลังงานในแต่ละขั้นตอนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
- นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล
- ผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก เข้าใจความต้องการและจัดการกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
- พัฒนาแรงงานโดยสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็นให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร พัฒนาเพื่อยกระดับทักษะที่มีอยู่เดิมให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ นำมาประยุกต์ใช้กับการทำงาน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะของแรงงานให้ตรงตามความต้องการของตลาดโลก

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือน ก.ย. 67
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัว 7.54% จากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเบนซิน เป็นหลัก จากการผลิตกลับมาเป็นปกติในปีนี้หลังผู้ผลิตบางรายหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในปีก่อน
สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง ขยายตัว 49.96% จากปลาทูน่ากระป๋อง เป็นหลัก ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย เพื่อสต็อกสินค้าไว้รองรับความต้องการในช่วงเทศกาลและวันหยุดปลายปี ส่งผลให้ตลาดส่งออกขยายตัว
เครื่องจักรอื่น ๆ ที่ใช้งานทั่วไป ขยายตัว 16.73% จากเครื่องปรับอากาศ เป็นหลัก ตามสภาพอากาศทั่วโลกที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ลูกค้าจากสหรัฐอเมริกาเร่งให้ส่งมอบสินค้า และผู้ผลิตพัฒนาสินค้าได้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือน ก.ย. 67
ยานยนต์ หดตัว 23.48% จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถยนต์ไฮบริดขนาดมากกว่า 1800 ซีซี เป็นหลัก ตามการหดตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้ออ่อนแอ หนี้ครัวเรือนสูง และสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัว 8.54% จาก Integrated circuits (IC) เป็นหลัก ตามคำสั่งซื้อที่ลดลงและบริษัทแม่ในต่างประเทศยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจ ต่างจากสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ หดตัว 8.96% จากพื้นสำเร็จรูปคอนกรีตและเสาเข็มคอนกรีต เป็นหลัก ตามการชะลอตัวของโครงการก่อสร้างของภาครัฐและอสังหาริมทรัพย์ในภาคเอกชน ตามภาวะเศรษฐกิจหนี้ครัวเรือนสูง สถาบันการเงินเข้มงวดอนุมัติสินเชื่อ ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยและวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้น