ทีดีอาร์ไอ มอง ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.70 บาท ทำได้ ! แต่ต้องใช้เวลา
ทีดีอาร์ไอ มอง กรณีทักษิณ ประกาศ ! ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 3.70 บาท ทำได้ ! แต่ต้องใช้เวลา แนะทำตาม 3 เงื่อนไข ยืดการชำระหนี้ -ยกเลิกค่าแอดเดอร์ - เรียกค่าการลงทุนที่เผื่อไว้กลับมา ช่วยลดค่าไฟฟ้าลงได้
ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิชาการทีดีอาร์ไอ เปิดเผยมุมมองถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศลดค่าไฟให้เหลือหน่วยละ 3.70 บาท จากราคาปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ว่า ในส่วนของทีดีอาร์ไอ มองว่า ทำได้ แต่จะทำได้เมื่อไหร่นั้น ก็ต้องดูกันอีกที ซึ่งหากบอกว่า จะทำให้ได้ภายในปี 67 นี้นั้น หากพูดถึงการปรับโครงสร้างราคาค่าไฟฟ้า มองว่า อาจทำได้ยาก เพราะต้องใช้เวลา

แต่หากอยากเห็นผลเร็ว ก็จะต้องยืดการชำระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ยกเลิกค่าแอดเดอร์ (Adder) หรือ ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า และอีกเงื่อนไข คือ การเรียกค่าการลงทุนที่เผื่อไว้กลับมา ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง หากทำได้ก็จะสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนลงได้
เนื่องจากต้นทุนค่าไฟฟ้า มีต้นทุนของโครงการที่ยังไม่ได้ลงทุนรวมด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่า ต้นทุนส่วนนี้มีความจำเป็นสำหรับการบริหารโครงสร้างกิจการไฟฟ้าในอนาคต เพราะจะนำไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบพลังงาน เช่น การลงทุนด้านไฟฟ้า สายไฟฟ้าต่างๆ และการจัดเก็บพลังงาน ซึ่งมีความสำคัญมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย
“ถามว่า เป็นไปได้มั้ย ก็เป็นไปได้ แต่ต้องถามว่า เป็นไปได้ในระยะเท่าไหร่ แล้วถ้าเกิดจะเห็นในระยะสั้น ก็ต้องมีการทำตามเงื่อนไข 3 ข้อ แต่ถ้าเห็นในระยะยาว ก็เสนอให้มีการปรับโครงสร้างราคาค่าไฟที่จะไม่กระทบต่อทั้งภาคเศรษฐกิจ และเอกชนค่ะ ดร.อารีพร กล่าว….“
ส่วนค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payment : AP) ซึ่งเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้าของเอกชน ครอบคลุมตั้งแต่ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้า ค่าผลิต ค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัย ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา รัฐ ต้องเสียค่าพร้อมจ่ายมากกว่า 5 แสนล้าน เพราะคาดการณ์การใช้ไฟที่เยอะเกินจริง และไทยมีโรงไฟฟ้าเยอะกว่าที่ใช้ โดยปี 67 มี 7 โรงไฟฟ้า จาก 13 โรงไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ ทำให้เฉพาะปีนี้ปีเดียวรัฐเสียค่าความพร้อมจ่ายไปแล้ว 2,500 ล้านบาท ซึ่งหากปรับลดตรงนี้ได้ ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลง 10 - 20 สตางค์ได้