ส.อ.ท. ชี้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ย ส่งผล ดัชนีอุตฯ เดือน ก.พ. 68 ขยับขึ้น
ส.อ.ท. ชี้ กนง. ปรับลดดอกเบี้ย ส่งผล ดัชนีอุตฯ เดือน ก.พ. 68 ขยับขึ้น ด้าน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังคงกังวลในเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่จากสหรัฐ
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยรองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ เปิดเผย ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่า ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 93.4 จาก 91.6 ในเดือนมกราคม โดยมีปัจจัยบวก จาก คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ร้อยละ 0.25 จาก 2.25 เหลือ ร้อยละ 2.00 ต่อปี ที่ช่วยลดต้นทุนทางการเงินและเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน

รวมถึงการขยายระยะเวลามาตรการคุณสู้เราช่วย และมาตรการ Easy E-Receipt ที่ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศส่งผลดีต่อยอดการขายสินค้าของผู้ประกอบการ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการค้าชายแดนขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะในเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า มีมูลค่าการค้าชายแดนรวมกว่า 1.45 แสนล้านบาท
ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์ ยังมีปัจจัยลบที่ส่งผลต่อดีชนีภาคอุตสาหกรรม เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ส่งผลให้สินค้าจีนทะลักเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการส่งออกรถยนต์ที่ลดลง จากรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจากจีนเข้ามาแข่งขันในประเทศคู่ค้ามากขึ้น สภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลผลิตทางการเกษตร ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังยืดเยื้อ เป็นต้น
ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ใน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 97.6 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 96.2 ในเดือนมกราคม โดยคาว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนที่มาจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทเฟสสาม ที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 ผ่านโครงการไทยแลนด์ซัมเมอร์สเฟสทิวัล

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจโดยสภาอุตสาหกรรมฯ พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังคงกังวลในเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่จากสหรัฐที่จะประกาศขึ้นราคา สินค้านำเข้า จากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ที่จะเก็บภาษีนำเข้าถึงร้อยละ 25 ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมนี้เป็นต้นไป รวมถึงแนวโน้มสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อและยังไม่มีข้อสรุปที่นำไปสู่สันติภาพ
สำหรับข้อเสนอแนะของสภาอุตสาหกรรมต่อภาครัฐ ได้แก่ ภาครัฐควรเร่งกำหนดยุทธศาสตร์และแผนรับมือมาตรการทางการค้าของสหรัฐ โดยหาแนวทางเจรจาต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และรับฟัง ความคิดเห็นจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอสนับสนุนรัฐบาลในการออกมาตรการช่วยค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ผ่านกลไกของ บสย. เพื่อช่วยให้การผลิตรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นและทักษะการจ้างงานอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และภาครัฐควรเร่งส่งเสริมและพัฒนาระบบการยกขนถ่ายตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ในโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ หรือ SRTO ที่ท่าเรือแหลมฉบังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้า