สหรัฐฯ จัดทำรายชื่อ 20 ชาติแรกอาจเจรจากำแพงภาษีด้วย คาด “ไม่มีไทย”
สื่อนอกเผย สหรัฐฯ จัดทำรายชื่อคู่ค้า 20 ประเทศและดินแดนที่ต้องการเริ่มเจรจากำแพงภาษีด้วย เพื่อทำข้อตกลงที่อาจใช้เป็นต้นแบบให้กับการเจรจาอื่น ๆ ต่อไป
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ขอไม่เปิดเผยชื่อว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดรายชื่อประเทศ/ดินแดนประมาณ 20 แห่งที่จะเป็นจุดโฟกัสของการเจรจากำแพงภาษีในช่วงแรก โดยสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้แจ้งข้อมูลนี้ให้กับสมาชิกรัฐสภาทราบแล้ว
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการเจรจากับ 18 ประเทศ โดยยังไม่ได้เปิดเผยรายชื่อทั้งหมดต่อสาธารณะ

ประเทศเป้าหมาย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม ล้วนเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ รายใหญ่ที่ทรัมป์ต้องการลดการขาดดุลการค้า ส่วนบางประเทศก็มีสถานะเป็นพันธมิตรรายย่อย เช่น ฟิจิ เลโซโท และมอริเชียส
แม้ว่าบางประเทศจะร้องเรียนว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ชี้แจงความต้องการต่อประเทศต่าง ๆ อย่างชัดเจน แต่การเจรจาในช่วงแรกได้ส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ อาจให้ความสำคัญกับประเทศที่มีโปรไฟล์ต่ำกว่าเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่น ๆ
ในการประชุมครั้งหนึ่ง ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เจมีสัน กรีเออร์ กล่าวว่า สหภาพยุโรปควรทราบถึงสิ่งที่ทีมบริหารของทรัมป์ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประเทศต่าง ๆ เช่น กัมพูชา มาดากัสการ์ และเวียดนาม เสนอข้อเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการของฝ่ายบริหาร
รายชื่อดังกล่าวยังรวมถึงสหราชอาณาจักร ซึ่งทรัมป์ได้ประกาศโครงร่างข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่าน เป็นชาติแรกที่บรรลุข้อตกลงเพื่อลดอัตราภาษีทรัมป์
นอกจากพันธมิตรเหล่านี้แล้ว รัฐบาลยังกล่าวอีกว่า ให้ความสำคัญกับการเจรจากับออสเตรเลีย อาร์เจนตินา กัมพูชา เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย อิสราเอล มาดากัสการ์ มาเลเซีย สวิตเซอร์แลนด์ และไต้หวัน ซึ่งขนาดเศรษฐกิจของแต่ละประเทศแตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตาม การรวมประเทศที่มีขนาดเล็กเข้ามาเป็นสัญญาณว่า ทำเนียบขาวกำลังมองหาวิธีที่จะบรรลุข้อตกลงที่ซับซ้อนน้อยกว่าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าข้อตกลงแต่ละข้อจะแทบไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าของสหรัฐฯ ก็ตาม
สหรัฐฯ จะเริ่มการเจรจากับเจ้าหน้าที่จีนในสุดสัปดาห์นี้ โดยทรัมป์เสนอลดภาษีศุลกากรจีนจาก 145% เหลือ 80% เจ้าหน้าที่การค้าบอกกับสมาชิกรัฐสภาว่า แม้ว่าการเจรจากับจีนจะดูยาวไกล แต่การเจรจากำลังดำเนินไปในแนวทางที่แตกต่างจากการเจรจากับประเทศอื่น ๆ
บางประเทศระบุว่าตนเองเป็นพันธมิตรที่เต็มใจ สวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่จะได้รับ “สิทธิพิเศษ” และอาจเห็นการตรึงภาษีของทรัมป์ขยายเวลาออกไปเกินกำหนดเส้นตายในเดือน ก.ค.
ส่วนรัฐบาลอาร์เจนตินาได้จัดการหารือการค้าหลายครั้งกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทรัมป์ โดยเบสเซนต์กล่าวว่า “อาร์เจนตินาจะอยู่แถวหน้าสุด”
กรีเออร์ชี้ว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นประเทศที่มีความสำคัญสูงสุด “นั่นคือจุดที่เรามีการขาดดุลการค้ามากที่สุด เรากำลังเจรจาอย่างมีประสิทธิผลกับเวียดนามและประเทศอื่น ๆ และพวกเขาเข้าใจดีว่าเรากำลังพยายามแก้ปัญหาอะไร”
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่า สหรัฐฯ มีกำหนดเจรจากับกัมพูชาในสัปดาห์หน้า ขณะที่มาเลเซียเริ่มเจรจาเมื่อเดือนที่แล้ว และเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ยังได้หารือกับอินโดนีเซียและไต้หวันด้วย
ชะตากรรมของประเทศอื่นๆ นั้นคลุมเครือกว่า ออสเตรเลียมีการขาดดุลการค้าสินค้ากับสหรัฐฯ เช่นเดียวกับสหราชอาณาจักร ทำให้ออสเตรเลียเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับข้อตกลงรอบแรก
ยังไม่ชัดเจนว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กจะสามารถเสนออะไรให้สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการปฏิบัติที่พิเศษกว่าได้บ้าง ตัวอย่างเช่น ลิกเตนสไตน์ที่กำลังเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรตอบโต้ที่สูงลิ่ว
หรือเลโซโท ซึ่งเป็นประเทศบนภูเขาในแอฟริกา มีการขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ จำนวนมากจากการส่งออกเพชรและเครื่องแต่งกาย เลโซโทเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกและจะเผชิญกับภาษีศุลกากรตอบโต้ถึง 50% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้
ขณะเดียวกัน รายการเป้าหมายเจรจายังไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารยังได้หารือกับประเทศอื่น ๆ เช่น บราซิลและฟิลิปปินส์ รวมถึงสหภาพยุโรปด้วย
จากรายงานของบลูมเบิร์กข้างต้น พอจะสรุปได้ว่า รายชื่อ 20 ประเทศที่สหรัฐฯ มุ่งเป้าว่าจะเจรจาด้วยในชุดแรก จะประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ฟิจิ อินเดีย อิสราเอล เลโซโท มอริเชียส มาดากัสการ์ สหราชอาณาจักร อาร์เจนตินา เอกวาดอร์ สวิตเซอร์แลนด์ และลิกเตนสไตน์
สรุปสั้น ๆ กว่านั้นก็คือ ไม่มีประเทศไทยนั่นเอง...
เรียบเรียงจาก Bloomberg