“ทรัมป์” เสียงอ่อย เสนอลดภาษีจีนเหลือ 80% ก่อนเจรจาการค้า

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่า ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 80% ดูจะเป็นอัตราที่เหมาะสมดี ถือเป็นการส่งสัญญาณแสดงถึงความสนใจที่จะคลี่คลายความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเรียกร้องให้จีนเปิดตลาดสำหรับสินค้าสหรัฐฯ และระบุว่า การลดภาษีใด ๆ จะขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง

ถ้อยแถลงดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์มีขึ้นก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตันและรัฐบาลปักกิ่งจะเปิดฉากการเจรจาการค้าซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 10 - 11 พ.ค. นี้ ท่ามกลางการจับตามองความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดของบรรดาธุรกิจในสหรัฐฯ

การเจรจาเบื้องต้นจะนำโดย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และ เหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งถือเป็นผู้ดูแลด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่ง

ด้าน ฮว่า ชุนหยิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน แสดงความมั่นใจ โดยระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ในการจัดการประเด็นทางการค้ากับสหรัฐฯ

การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก เกิดขึ้นหลังจากที่ “ทรัมป์” บังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 145% นับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และทำให้ปริมาณการค้าระหว่างทั้งสองประเทศลดลง

ตัวเลขอย่างทางการประจำเดือน เม.ย. ที่เผยแพร่ออกมาในวันที่ 9 พ.ค. ได้แสดงให้เห็นว่า ยอดการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม การส่งออกโดยรวมของจีนยังคงเติบโตที่ 8.1% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้

การเจรจากับจีนมีขึ้นเพียง 2 วันหลังสหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศแรกที่บรรลุข้อตกลงด้านภาษีนำเข้ากับรัฐบาลทรัมป์

ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ สหรัฐฯ ตกลงที่จะลดภาษีนำเข้ารถยนต์อังกฤษบางรุ่น และอนุญาตให้นำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมบางส่วนโดยไม่เก็บภาษี เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ จะได้สิทธิเข้าถึงตลาดเนื้อวัวและสินค้าอื่น ๆ ในอังกฤษมากขึ้น

ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเร่งเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงในลักษณะเดียวกัน ก่อนที่ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลในเดือนหน้า

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยประกาศเรียกเก็บ “ภาษีตอบโต้” กับหลายประเทศในเดือน เม.ย. แต่ชะลอการบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ เข้าเจรจากับสหรัฐฯ