เปิดรายได้หลังคว้าแชมป์ลีกพรีเมียร์ลีก "Liverpool" ทะยานสู่ Top 5 สโมสรรายได้สูงสุดของโลก!
What The Wealth พาไปร่วมเส้นทางแชมป์พรีเมียร์ลีก “Liverpool” กับรายได้ เงินรางวัลมหาศาล ที่สโมสรสุดยิ่งใหญ่นี้จะได้รับ
Liverpool ทีมฟุตบอลเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ที่กระแสของเค้ากำลังร้อนแรง เพราะเพิ่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2024 / 2025 และถือว่าเป็นการได้แชมป์ครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรก คือฤดูกาล 2019/2020 ซึ่ง ณ ตอนนั้นแฟนบอลรอคอยมานานถึง 30 ปี ใครจะไปคิดว่า การเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของเค้าในฤดูกาลนี้ ทำให้สโมสรได้เงินรางวัลมากถึง 175.9 ล้านปอนด์ หรือราว 7,800 ล้านบาท โดยหลัก ๆ มาจากเงินรางวัลตามอันดับ และส่วนแบ่งจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด

แต่เงินรางวัลจำนวนมหาศาลนี้ ไม่ใช่สิ่งตอบแทนเดียวที่ Liverpool ได้รับ เพราะ สโมสรจะได้รับผลประโยชน์ทางการเงิน และ มูลค่าทางแบรนด์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากตามมา จากทั้งการได้รับถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จสูงสุดในฟุตบอลอังกฤษ / ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มใน UEFA Champions League ฤดูกาลถัดไปทันที ซึ่งก็จะทำให้ Liverpool สร้างรายได้ให้สโมสรจากการแข่งขันใน UEFA Champions League ได้อีกด้วย
จากตัวอย่างรายได้ในฤดูกาล 2024/25 ของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UCL) ที่ผ่านมา Liverpool สามารถทำรายได้จาก ค่าตอบแทนพื้นฐานอยู่ที่ 18.62 ล้านยูโร รวมถึงโบนัสจากผลการแข่งขันในรอบลีก 55.94 ล้านยูโร โดยแต่ละชัยชนะในรอบลีกจะได้รับโบนัส 2.1 ล้านยูโร แต่ถ้าเสมอแต่ละเกมจะได้รับโบนัส 700,000 ยูโร
รายได้จากการจบอันดับ 1 ในรอบลีก ส่งผลให้ได้รับเงินรางวัลรวมจากรอบนี้ประมาณ 55.94 ล้านยูโร โดยผลงานคือเเข่ง 8 นัดชนะ 7 แพ้เพียงเเค่ 1 เท่านั้น และยังมีรายได้จากโบนัสจากการจบอันดับในรอบลีก อันดับ 1-8 คือ ทีมที่จบในอันดับ 1 ถึง 8 จะได้รับโบนัสเพิ่มเติม 2 ล้านยูโร ไปจนถึงโบนัสจากการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย 11 ล้านยูโร
ซึ่งพอมารวมรายได้โดยประมาณจะเท่ากับว่า ลิเวอร์พูลสร้างรายได้มากถึง 87.56 ล้านยูโร ตีเป็นเกือบครึ่งนึงของเงินรางวัลของแชมป์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะการที่ลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกในครั้งนี้ ก็อาจทำให้สโมสรมีรายได้ทางอ้อมเข้ามาด้วย เช่น ยอดขายสินค้าสโมสรที่เพิ่มขึ้น , ยอดการขายบัตรเข้าชมในแมทเดย์ได้เพิ่มขึ้น , รวมถึงเพิ่มโอกาสในการหาสปอนเซอร์รายใหม่ จากการได้รับความสนใจเพิ่มเติม เพราะแน่นอนว่าสโมสรที่สร้างผลงานดี ก็จะทำให้มีสปอนเซอร์ อยากที่จะเข้ามาสนับสนุน จากการเปิดเผยข้อมูลของสโมสร เรื่องรายได้จากสปอนเซอร์และการตลาด ที่เพิ่งเป็นข่าวออกไปไม่นานมานี้ นั้นก็คือ
ลิเวอร์พูล ได้เซ็นสัญญากับ Adidas เพื่อทำสัญญาชุดแข่งใหม่ ที่มีมูลค่า 300 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย 13,000 ล้านบาท เป็นเวลา 5 ปี โดยจะได้รับเงินประจำปี 30 ล้านปอนด์ พร้อมส่วนแบ่ง 20% จากยอดขายสุทธิ ซึ่งอาจทำให้ Liverpool ได้รายได้รวมจากสัญญานี้สูงถึง 60 ล้านปอนด์ต่อปี
ซึ่งจากการคำนวณรายได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม คร่าวๆ ส่งผลให้ในฤดูกาลนี้ สโมสรอาจมีรายได้รวมทะลุ 700 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 31,000 ล้านบาท และถ้าหากได้ตามที่คาดไว้จริงๆ ก็จะเป็นการสร้างสถิติใหม่ของสโมสรและยกระดับสถานะทางการเงินและแบรนด์ในระดับโลกให้กับสโมสรได้ เนื่องจากในฤดูกาล 2023/24 ที่ผ่านมาลิเวอร์พูลมีรายได้รวม 614 ล้านปอนด์ หรือราว 27,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรแล้ว ในตอนนั้น

ที่นี้เรากลับมาดูภาพรวม รายได้ของ Liverpool ภายใต้การบริหารจาก FSG โดยในปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ได้เปิดเผยผลประกอบการทางการเงินสำหรับฤดูกาล 2023–24 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2024 พบว่า ผลประกอบการทางการเงิน มีรายได้รวม 614 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้น 20 ล้านปอนด์จากฤดูกาลก่อน ที่ส่วนหนึ่งมาจากรายได้จากวันแข่งขัน (Matchday) เพิ่มขึ้น 22 ล้านปอนด์ เป็น 102 ล้านปอนด์ จากการเปิดอัฒจันทร์แอนฟิลด์โร้ดใหม่และจำนวนเกมที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ รายได้จากการค้า ก็เพิ่มขึ้นด้วยถึง 36 ล้านปอนด์ เป็น 308 ล้านปอนด์ จากการลงนามพันธมิตรใหม่ 4 ราย ได้แก่ UPS, Google Pixel, Peloton และ Orion Innovation แต่แน่นอนว่ามีรายรับ ก็ยังต้องมีเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่ง Liverpool มีค่าใช้จ่ายในเรื่องการบริหาร เพิ่มขึ้น 38 ล้านปอนด์ เป็น 600 ล้านปอนด์ ที่ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและค่าใช้จ่ายทั่วไปของสโมสร แถมลิเวอร์พูล ยังขาดทุนก่อนหักภาษี อยู่ที่ 57 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการขาดทุน 9 ล้านปอนด์ในฤดูกาลก่อนหน้า ที่มีสาเหตุมาจากรายได้จากสื่อ ลดลง 38 ล้านปอนด์ เหลือ 204 ล้านปอนด์ เนื่องจากไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และต้องลงแข่งขันในยูโรปาลีกแทน
ขณะที่ มูลค่าของสโมสร จากการจัดอันดับมูลค่าสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ของนิตยสาร Forbes ประจำปี 2024 พบว่า มูลค่าของสโมสรลิเวอร์พูลในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าอยู่ประมาณ 5.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงที่สุดอันดับ 4 ของโลก อยู่ ณ ขณะนี้ ถือว่าเป็นรอง เรอัล มาดริด (สเปน) มูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) – มูลค่า 6.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ , บาร์เซโลนา (สเปน) – มูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งถ้าหากไปย้อนดูสถิติการจัดอันดับมูลค่าสโมสรฟุตบอล ที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ของนิตยสาร Forbes ตั้งแต่ฤดูกาล 2019/2020 จนถึง 2023/2024 ก็จะพบว่า Liverpool เป็นหนึ่งในสโมสร ที่รักษาอันดันจนติดอยู่ใน 5 อันดับแรก ของสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่ามากสุดในโลก มาได้โดยตลอด
เพราะฉะนั้นในปีนี้ เราก็ต้องมาจับตาดูกันว่า FSG จะบริหารรายได้หลังการได้แชมป์แบบไหน เพื่อมาต่อยอดการเติบโตของสโมสร ในฤดูกาลถัดไป ที่จะนำไปสู่ การรักษาอันดับมูลค่าสโมสร ให้ Liverpool ยังคงอยู่หนึ่งในสี่ ของสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงสุดระดับโลกได้ต่อไป