19 ปี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองรับผู้โดยสารแล้วกว่า 878 ล้านคน 5.45 ล้านเที่ยวบิน
19 ปี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองรับผู้โดยสารมาแล้วกว่า 878 ล้านคน 5.45 ล้านเที่ยวบิน พร้อมพัฒนาสู่ World Class Hospitality Airport
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT กล่าวว่า นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2549 ถึงปัจจุบัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองรับผู้โดยสารรวมแล้วกว่า 878.65 ล้านคน เที่ยวบิน 5.45 ล้านเที่ยวบิน และการขนส่งสินค้ากว่า 20.62 ล้านตัน
และเฉพาะปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – สิงหาคม 2568) มีสายการบินประจำให้บริการ 126 สายการบิน เที่ยวบินรวม 340,670 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า
ขณะที่จำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 58.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.91% แสดงถึงการฟื้นตัวและความเชื่อมั่นของสายการบินและนักเดินทางทั่วโลก
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า จะมุ่งพัฒนาคุณภาพการให้บริการตามแนวคิด World Class Hospitality Airport นอกจากนี้ยังยกระดับจากท่าอากาศยานระดับ 3 ดาวเป็นท่าอากาศยานระดับ 4 ดาว จากการประกาศของ Skytrax องค์กรที่ปรึกษาด้านการจัดอันดับคุณภาพของสายการบินและท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลกจากสหราชอาณาจักร รวมถึงได้รับการจัดอันดับจาก Brilliant Maps ให้เป็นสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก
นอกจากนี้ จากรายงานของ ACI Asia-Pacific and Middle East (ACI APAC & MID) ซึ่งได้ร่วมกับ PwC ได้จัดให้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดอันดับ 7 สนามบินศูนย์กลางการเชื่อมต่อที่มีศักยภาพสูงสุด และอันดับ 9 ของสนามบินที่มีการเชื่อมต่อทางอากาศสูงสุดในปี 2567
สำหรับแนวโน้มปีงบประมาณ 2569 คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 397,323 เที่ยวบิน และมีผู้โดยสาร 67.7 ล้านคน และมีแนวโน้มผู้โดยสารจากสหภาพยุโรป (EU) มีการขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงผู้โดยสารจากอินเดียที่เติบโตต่อเนื่องซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาตลาดจีนเพียงตลาดเดียว
ในอนาคต ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถเพิ่มเส้นทางบินตรงสู่สหรัฐอเมริกาได้ หลังจากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration – FAA) ปรับสถานะไทยกลับสู่ Category 1 (CAT1) ครั้งแรกในรอบ 10 ปี จากเดิมที่อยู่ใน Category 2 (CAT2) ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ FAA มีต่อความปลอดภัยของหน่วยงานการบินพลเรือนของไทยในการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งเปิดโอกาสให้สายการบินไทยและต่างชาติสามารถขยายเส้นทางบินไกลได้อย่างเต็มศักยภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินหน้าปรับปรุง ภายในอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบิน เช่น การปรับปรุงเป็นพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบิน (Concourse C และ F) และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) พร้อมกับดำเนินการติดตั้งเครื่องชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเป็น 203 ชุด จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 132 ชุด รวมถึงเดินหน้าปรับปรุงห้องน้ำทั้งอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินรวม 124 จุด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จครบทุกจุดภายในปี 2571
ด้านการความปลอดภัย จะเพิ่มเครื่อง Passenger Validation System (PVS) พร้อมปรับเปลี่ยนเครื่อง X-ray เป็นแบบ CT ที่แม่นยำและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งพัฒนาระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Border Control: ABC) เพื่อรองรับ E-passport เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
พร้อมกับการยกระดับการให้บริการผู้โดยสาร นอกจากการพัฒนาระบบ Freezone Smart Access ระบบบริหารการเข้า-ออกพื้นที่เขตปลอดอากร แก้ปัญหาการจราจรหนาแน่นจากรถขนส่งสินค้ากว่า 8,000 คันต่อวัน ลดความล่าช้าในการรับ–ส่งสินค้า และป้องกันสินค้าตกเครื่องแล้ว ยังมีมีแผนเพิ่มผู้ประกอบการคลังสินค้ารายที่ 3 ในปี 2571 เพื่อสนับสนุนการเติบโตของ E-Commerce และตลาดโลก
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB