“Quick Big Win” 4 เดือนทำได้จริงไหม?

หลังการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองจากพรรคเพื่อไทยมาสู่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล สิ่งที่ทุกสายตาจับตามองมากที่สุดคือ “ทิศทางเศรษฐกิจไทย” ว่าจะเดินต่ออย่างไร โดยเฉพาะในช่วง 4 เดือนนับจากนี้ ซึ่งทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ประกาศชัดว่า จะเน้นนโยบายแบบ “Quick Big Win” เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนทั้งจากประชาชนและภาคธุรกิจ  

เรามาดูกันว่า มีนโยบายไหนจากรัฐบาลเพื่อไทยที่ถูกปัดตก นโยบายไหนถูกหยิบมาสานต่อ และใน 4 เดือนนี้ ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ทีมเศรษฐกิจวางแผนจะเดินหน้าอะไรบ้าง

หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลก็เริ่มเดินเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจเต็มกำลัง ภายใต้แนวคิด “Quick Big Win” หรือ “มาตรการเร่งด่วนที่เห็นผลชัดในระยะสั้น” ซึ่งก็มีเป้าหมายชัดเจน คือต้องให้ประชาชนรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจภายใน 4 เดือนนับจากนี้

แม้รัฐบาลชุดก่อนจะเคยเสนอหลายโครงการโดดเด่น แต่เมื่อต้องเปลี่ยนรัฐบาล บางนโยบายก็ถูกชะลอหรือประกาศว่าอาจไม่เดินหน้าตามเดิม เช่น

โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย  ที่รัฐบาลนี้ระบุว่าจะไม่เดินหน้าแบบเต็มรูปแบบในรูปแบบเดิม และมุ่งดูกลไกตั๋วร่วมมากกว่า เพื่อไม่เป็นภาระงบประมาณ หรือจะเป็นโครงการดัง อย่าง โครงการแจกเงินดิจิทัล10,000 บาท ที่ถูกพับเก็บไปโดยปริยาย

จุดเปลี่ยนสำคัญของรัฐบาลชุดนี้ คือ การตั้งคณะรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ โดยมีบุคลากรภายนอกทั้งจากการเมืองและเอกชนที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านมาร่วมขับเคลื่อน อย่างเช่น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต นั่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวเรือทีมเศรษฐกิจรัฐบาล นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตกรรมผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

หรือแม้แต่นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อมาร่วมขับเคลื่อนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจภาพใหญ่ในระยะสั้น และเร่งดันมาตรการ Quick Big Win

แม้บางนโยบายจะถูกถอนออกไป แต่รัฐบาลใหม่เลือกที่จะสานต่อบางแนวทางที่มีพื้นฐานที่ดี และปรับให้เหมาะกับสถานการณ์มากขึ้น

ซึ่ง Quick Big Win ของรัฐบาล นายเอกนิติ ชี้ว่า จะผลักดันเศรษฐกิจไทยให้พ้นจากหล่ม เนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาส4 ที่คาดว่าจะมีการชะลอตัวลงอย่างมากหรืออยู่ในภาวะตกท้องช้าง โดยแบ่งเป็น 5 เสาหลักตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและสร้างผลกระทบระยะยาว

หนึ่งในโครงการเรือธง คือ โครงการคนละครึ่งพลัส และการเติมเงินเพิ่มเติมให้กับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ได้ราว 0.3–0.4% ส่งผลให้ GDP ไตรมาส 4 ปีนี้ โตได้ 1% ละทำให้GDP ทั้งปีนี้ น่าจะขยายตัวได้ 2.2% ตามที่คาดไว้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังกำหนดให้ ครม.เศรษฐกิจต้องประชุมทุกบ่ายวันจันทร์ เพื่อกลั่นกรองเรื่องเศรษฐกิจก่อนเข้า ครม.เต็มคณะในวันอังคาร

นอกจากนี้ รัฐบาลยังรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชน สมาคมต่าง ๆ พร้อมมีการเชิญตัวแทนตลาดหลักทรัพย์และองค์กรตลาดทุนเข้าร่วมประชุมกับนายกฯ และทีมเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Quick Big Win

กลไกนี้ก็เพื่อตั้งใจให้การตัดสินใจด้านเศรษฐกิจเป็นศูนย์รวม ลดความล่าช้า และให้มีนักวิชาการ/ผู้เชี่ยวชาญภายนอกเข้ามามีบทบาทร่วมประเมินและให้ข้อเสนอแนะ

จากนี้ไปอีกไม่กี่เดือน “Quick Big Win” จะเป็นบทพิสูจน์ว่าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอนุทินสามารถทำให้คนไทยเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วขนาดไหน ในขณะที่ความคาดหวังของประชาชนยังคงสูง ทั้งต่อการลดค่าครองชีพ ฟื้นรายได้ และสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว

มาตรการระยะสั้นอาจสร้างแรงกระตุ้นได้ไว แต่สิ่งที่ประเทศต้องการจริง ๆ คือความต่อเนื่อง ความเชื่อมั่น และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ยั่งยืน  จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่ต้องทำให้ “Quick Big Win” กลายเป็น “Real Big Change” ของเศรษฐกิจไทยให้ได้จริง