ส.อ.ท. หนุน “คนละครึ่งพลัส” ชี้เป็นมาตรการทันเวลา
ส.อ.ท. หนุน “คนละครึ่งพลัส” ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ชี้เป็นมาตรการทันเวลา ลดภาระค่าครองชีพ-เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียน
นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นมาตรการที่ออกมาได้ “ทันเวลา” ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงกดดันจากการส่งออกที่คาดว่าจะชะลอตัว กำลังซื้อภายในประเทศลดลง และรายได้ประชาชนหดตัว ทำให้ผู้บริโภคอยู่ในภาวะ “รัดเข็มขัด” และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
โดยระบุว่า โครงการคนละครึ่งพลัสจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนและกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงปลายปี ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น และลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้จริง เช่น จากเดิมที่ต้องจ่ายค่าสินค้าเต็ม 100 บาท ก็จะลดเหลือเพียง 50 บาท
โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือจากภาครัฐฝ่ายเดียว แต่ยังดึงเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบ เพราะประชาชนร่วมจ่ายด้วย และผู้เสียภาษีก็ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น ถือเป็นการเยียวยาผู้ที่มีกำลังซื้ออยู่แล้วให้มีกำลังจ่ายมากขึ้นอีก
พร้อมกันนี้ยังมองว่า คนละครึ่งพลัสช่วยกระจายเม็ดเงินไปยังร้านค้ารายย่อย วิสาหกิจชุมชน และพื้นที่ภูมิภาค ไม่กระจุกอยู่แค่ในเมืองใหญ่ ถือเป็นการลดช่องว่างรายได้และสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจฐานราก
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ามาตรการนี้เป็นเพียงการ “กระตุ้นระยะสั้น” เพียง 2 เดือน จึงควรมีมาตรการต่อเนื่องเพื่อให้ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจยั่งยืน โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก ผ่านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การฝึกอบรม Reskill-Upskill และการเชื่อมโยงกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
นายอภิชิต ยังเตือนถึงข้อจำกัดของโครงการ เช่น ปัญหาการเข้าถึงระบบ e-Payment ในพื้นที่ห่างไกล การใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่สะดวก รวมถึงความเสี่ยงจากผู้ประกอบการบางรายที่อาจปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงโครงการ ซึ่งรัฐบาลควรเข้มงวดควบคุมราคาเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ หากใช้งบประมาณโดยไม่วางแผนเชิงโครงสร้าง อาจส่งผลต่อวินัยการคลังในระยะยาวได้ ดังนั้นจึงควรออกแบบให้โครงการกระตุ้นระยะสั้นต่อยอดสู่ผลลัพธ์ระยะยาว
นอกจากนี้ นายอภิชิต ยังเสนอให้รัฐบาลขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมผู้ประกอบการมากขึ้น พร้อมผลักดันมาตรการเสริม เช่น โครงการ “ช้อปช่วยชาติ” การลดหย่อนภาษี และการลดต้นทุนธุรกิจ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้หมุนเวียนในระบบต่อเนื่อง
สิ่งสำคัญคือ ต้องกระตุ้นให้ประชาชนใช้สินค้าที่ผลิตและขึ้นทะเบียนในประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินรั่วไหลออกนอกระบบ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจรากหญ้าเข้มแข็งขึ้น
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ยังสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเปิดให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวเมืองรองมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 1.5 เท่าระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 15 พฤศจิกายน เพื่อกระตุ้นการเดินทางและกระจายรายได้สู่ภูมิภาค ซึ่งจะช่วยเสริมภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงปลายปีให้ฟื้นตัวได้รวดเร็วขึ้น
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB