"บาทอ่อนค่าลง" เปิดที่ระดับ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มผันผวนหนัก
เช้านี้ (21 ก.ค.65) "บาทอ่อนลง" มีแนวโน้มผันผวนหนัก จับตายุโรปเผชิญวิกฤติพลังงาน อาจดันค่าเงินบาทอ่อนแตะระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในฝั่งสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด
ราคาทองวันนี้ ปรับ 2 ครั้ง ปิดตลาดไม่เปลี่ยน ต่างประเทศยืนเหนือ 1,713 ดอลลาร์
ขึ้นอีก! ไข่ไก่ปรับขึ้นราคา ฟองละ 20 สตางค์ หรือ แผงละ 6 บาท
ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าทยอยซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ (Meta +4.2%, Amazon +3.9%) จากมุมมองที่คาดว่าเฟดอาจไม่ได้เร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงอย่างที่เคยกังวล หนุนให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.58% ส่วนดัชนี S&P500 สามารถปิดตลาด +0.59%
ฝั่งตลาดหุ้นยุโรป เผชิญวิกฤตพลังงานอีกครั้ง
ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวลดลงราว -0.21% ท่ามกลางความกังวลปัญหาการเมืองในอิตาลีที่กดดันให้ตลาดหุ้นอิตาลีปรับตัวลดลงแรงกว่า -1.60% ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลวิกฤติพลังงานอีกครั้ง เพราะแม้ว่ารัสเซียอาจกลับมาดำเนินการส่งแก๊สธรรมชาติผ่านท่อ Nord Stream 1 หลังครบกำหนดการซ่อมบำรุง แต่ทางประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้เตือนว่า ปริมาณการส่งแก๊สอาจลดลงและรัสเซียก็อาจหยุดส่งแก๊สได้
รอตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังเคลื่อนไหวในกรอบ
ทางด้านตลาดบอนด์ ภาวะตลาดการเงินฝั่งสหรัฐฯ ที่เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 3.02% แต่โดยรวมการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีลักษณะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจาก ผู้เล่นในตลาดจะติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ก่อน เพื่อจับตาท่าทีต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ ECB รวมถึงเครื่องมือ Anti-Fragmentation Tool ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ในฝั่งยุโรปและฝั่งสหรัฐฯ ได้เช่นกัน
ดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ได้กลับมาปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 107.1 จุด แม้จะถูกกดดันโดยภาพรวมของตลาดการเงินที่ทยอยกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่เงินดอลลาร์ก็ได้แรงหนุนจากการกลับมาอ่อนค่าลงของเงินยูโร (EUR) ที่อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.018 ดอลลาร์ต่อยูโร อีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลวิกฤติพลังงาน อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาผลการประชุม ECB ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครอง ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ พร้อมกับภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับ 1,692 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่ามีโอกาสที่ผู้เล่นบางส่วนอาจรอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจเป็นแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้
ไฮไลท์สำคัญของตลาดจะอยู่ที่ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
- ตลาดมองว่า ECB จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) 0.25% สู่ระดับ -0.25%
- ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาท่าทีของ ECB ต่อโอกาสในการเร่งขึ้นดอกเบี้ยราว 0.50% ในอนาคต เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ
- ตลาดคาดว่า ECB อาจเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องมือ Anti-Fragmentation Tool เพื่อควบคุมปัญหาภาระหนี้ของบรรดาประเทศสมาชิก
- ตลาดจะจับตาปัญหาวิกฤติพลังงานยุโรป หลังครบกำหนดซ่อมบำรุงท่อส่งแก๊ส Nord Stream 1 ว่ารัสเซียจะลดปริมาณการส่งแก๊สหรือยุติการส่งแก๊ส ซึ่งภาพดังกล่าวอาจยิ่งกดดันแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจยุโรปและอาจกดดันให้ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายสินทรัพย์ฝั่งยุโรป อาทิ หุ้นและเงินยูโร (EUR) ได้
ส่วนในฝั่งเอเชีย เผชิญแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ
และความจำเป็นที่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต้องช่วยคุมต้นทุนการกู้ยืมเงินของรัฐบาลและภาคเอกชน ทำให้ BOJ ยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายสวนทางกับธนาคารกลางหลักอื่นๆ เช่น การตรึงบอนด์ยีลด์ 10 ปี ไม่ให้เกินระดับ 0.25% (ซื้อบอนด์แบบไม่จำกัด) และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.10% ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินดังกล่าวอาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้ในระยะนี้
KBANK ยังโตต่อ Q2/65 กำไร 10,794 ล้านบาท รับรู้รายได้ดอกเบี้ย จับตาเงินเฟ้อ
ทองวันนี้ (21 ก.ค.65) เปิดการซื้อขายราคาลงแรง 200 บาท!
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนหนัก จับตา 2 ปัจจัย
เรามองว่า แม้ตลาดจะกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง แต่เงินบาทมีแนวโน้มผันผวนหนัก ไปตามทิศทางของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ
- ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
- แนวโน้มวิกฤติพลังงานของยุโรป
หาก ECB ขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าคาด หรือ ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจช่วยหนุนให้เงินยูโร (EUR) พลิกกลับมาแข็งค่าได้บ้าง แต่เรามองว่า ความเสี่ยงวิกฤติพลังงานจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินยูโร (EUR) อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นไปมากและกลับกัน หากรัสเซียลดหรือยุติการส่งออกแก๊สจริง ก็อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง แม้ ECB จะส่งสัญญาณพร้อมเร่งขึ้นดอกเบี้ยก็ตาม
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านแถว 36.70-36.80 บาทต่อดอลลาร์ และมีความเสี่ยงที่หากอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวจะสามารถอ่อนค่าต่อไปทดสอบระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ ในกรณีที่ยุโรปเผชิญวิกฤติพลังงานตามที่ตลาดกังวล
ผู้ส่งออกจำนวนมากต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ทำให้เรามองว่า หากสินทรัพย์ฝั่ง EM Asia ไม่ได้ถูกเทขายรุนแรง เงินบาทก็อาจจะยังไม่อ่อนค่าทะลุ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ในระยะสั้นได้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ดังจะเห็นได้จากความผันผวนของเงินบาทที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ระดับ +2 S.D. (Standard Deviation) เราแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย เช่น Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์
ที่มา : พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย
“Zipmex” เจอพิษ Celsius ล้มละลาย-จ่อฟ้อง แย้มบริษัทยักษ์ใหญ่เจรจาซื้อกิจการ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 : คำตอบ? หาก “บิ๊กตู่” เสียงไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่ง