เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ คาดเดือนธ.ค.ขึ้นอีก 0.50%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สิ้นสุดการประชุม 2 วัน มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% โดยดอกเบี้ยเฟดแต่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2551 และส่งสัญญาณถึงเป้าหมายสำคัญคือการคุมเงินเฟ้อตามเป้าหมายที่ 0.7%

เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามที่ตลาดคาดการณ์ โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 6 ในปีนี้ และขึ้นดอกเบี้ยแรงครั้งละ  0.75% เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีเป้าหมายคุมเงินเฟ้อเป็นสำคัญ แม้จะมีเสียงเตือนว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

สัญญาณจากแบงก์กลางทั่วโลก วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น กำลังจบ!

เปิด 10 กลยุทธ์ลงทุนปีหน้า รับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย "มาแน่"

บินไม่อั้น 1 ปี บางกอกแอร์เวย์ส ด้วยบัตร “The Elite” เปิดขายแล้ว เริ่มต้น 1.2 -1.9 แสนบาท

 

 

แต่การแถลงของเฟดในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าเฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่จะพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยตลาดตีความว่าขนาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะลดลง ในการประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้

เฟดระบุว่าการปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยที่กำลังดำเนินอยู่จะมีความเหมาะสมเพื่อให้บรรลุจุดยืนนโยบายการเงินที่มีความเข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตนั้น เฟดจะพิจารณารวมถึงการคุมเข้มสะสมของนโยบายการเงิน, ความล่าช้าที่นโยบายการเงินส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งพัฒนาการด้านเศรษฐกิจและการเงิน"

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงภายหลังการประชุมว่าเฟดต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และข้อมูลที่เฟดได้รับนับตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้ว ยังบ่งชี้ว่า เฟดอาจต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงกว่าที่คาดการณ์ โดยตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายพาวเวล มองสวนทางกับนักวิเคราะห์เรื่องเศรษฐกิจถดถอย โดยระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยในช่วงเวลาที่เฟดปรับขึ้นอัตรา 

หลังจากการแถลงของเฟด บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า การขึ้นดอกเบี้ยระดับ 0.75% น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของเฟด และการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในเดือนธ.ค.จะอยู่ที่ 0.50%