เงินบาทเปิดเช้านี้ "อ่อน" จากดอลลาร์แข็งค่ารับเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 37.6690 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่า” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.58 บาทต่อดอลลาร์ กรอบวันนี้ 37.70-38.00 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางตลาดเงินทั่วโลกที่เผชิญแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังเฟดแถลงขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้ว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่เฟดได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ยังสูง โดยเฟดมีเป้าหมายที่ 2%
"เงินบาทกลับมาอยู่ในโซนอ่อนค่าอีกครั้ง จากเมื่อต้นสัปดาห์แข็งค่าต่อเนื่องจากเงินไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตร"
เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ คาดเดือนธ.ค.ขึ้นอีก 0.50%
สัญญาณจากแบงก์กลางทั่วโลก วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น กำลังจบ!
บินไม่อั้น 1 ปี บางกอกแอร์เวย์ส ด้วยบัตร “The Elite” เปิดขายแล้ว เริ่มต้น 1.2 -1.9 แสนบาท
การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยหลังประชุมเฟด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองว่าแนวโน้มค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยังคงส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
"มองว่าแม้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่แนวต้านอาจอยู่ในโซน 38.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งต้องจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ทั้งโฟลว์ในฝั่งตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมา “ขายสุทธิ” หุ้นและบอนด์ไทยอีกครั้งหรือไม่ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้เทขายสินทรัพย์ไทยรุนแรงและต่อเนื่องแบบในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้าที่เกิดแรงขายบอนด์รุนแรง ประเมินว่า เงินบาทก็อาจไม่ได้อ่อนค่าไปมากนักจากโซนแนวต้าน ส่วนในโซนแนวรับของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 37.50-37.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าเป็นระดับที่บรรดาผู้นำเข้าต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์"
เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก โดยเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าในช่วงแรก หลังแถลงการณ์ผลการประชุมเฟดสะท้อนโอกาสเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ก่อนที่เงินดอลลาร์จะปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ย้ำจุดยืนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง พร้อมกับบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 112 จุด
นอกจากนี้ แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ที่หนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ก็ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) พลิกกลับมาปรับตัวลงแรงหลังจากที่ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กลับสู่ระดับ 1,636 ดอลลาร์ต่อออนซ์
"คาดว่า ราคาทองคำยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงใกล้โซนแนวรับ แต่มองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจกดดันเงินบาทในฝั่งอ่อนค่าได้"
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนสูง โดยในช่วงแรกตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับในเชิงบวกต่อแนวโน้มการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ได้ระบุในแถลงการผลการประชุม หลังเฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย +0.75% สู่ระดับ 3.75%-4.00% ตามคาด
อย่างไรก็ดี ตลาดพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทันทีที่ประธานเฟดได้ย้ำจุดยืนการต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อสูง ซึ่งสะท้อนว่าการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้นยังไม่จบ แม้ว่าเฟดอาจเริ่มพิจารณาชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดๆไป และยังเร็วเกินไปที่ตลาดจะคาดการณ์ว่าเฟดจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยได้ในเร็วนี้
นอกจากนี้ ประธานเฟดยังได้ปรับลดโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือชะลอลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป (Soft Landing) ซึ่งมุมมองดังกล่าวทั้งแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟดและโอกาสเกิดภาพ Soft Landing ที่ลดลง ได้ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ที่อ่อนไหวเป็นพิเศษกับแนวโน้มดอกเบี้ย กดดันให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq สหรัฐฯ ดิ่งลงหนัก -3.36% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -2.50%