น้ำมันดิบฟื้นเล็กน้อย หลังร่วงแรง 8% สัปดาห์ก่อน หวั่นดอกเบี้ยฉุดความต้องการ
น้ำมันดิบตลาดโลก ราคาฟื้นตัวเล็กน้อยในเช้าวันนี้ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงกว่า 8% ได้รับแรงกดดันจากตลาดจ้างงานสหรัฐฯออกมาดีเกินคาด ทำให้ตลาดกังวล เฟด จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป กระทบความต้องการใช้น้ำมัน ด้านสำนักงานพลังงานสากล ประเมินว่าปี 2566 ความต้องการในจีนจะเพิ่มมากขึ้น ผลักดันอุปสงค์ทั่วโลก
ค่าเงินบาทเปิดตลาด "อ่อนค่า" ผวาเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จับตาเงินไหลออก
ราคาทองคำวันนี้ หลุด 1,900 ดอลลาร์ ทองแท่งไทยหล่นใต้ 30,000
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 น้ำมันดิบตลาดโลกช่วงเช้านี้ ราคาฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย หลังจากร่วงลงมากว่า 8% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ คาดว่าเป็นผลมาจากความกังวัลธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น
โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) เดือน ม.ค.66 เพิ่มขึ้น 517,000 ตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 6 เดือน
และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) เดือน ม.ค.66 ลดลงสู่ระดับ 3.4% ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 3.6% ต่ำสุดในรอบ 53 ปี
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบทั่วโลกวันนี้
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับลดลง 0.13 ดอลลาร์ หรือ -0.16% ล่าสุดอยู่ในระดับ 82.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็สซัส (WTI) ปรับลดลง 0.13 ดอลลาร์ หรือ -0.17 % ล่าสุดอยู่ในระดับ 75.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า การฟื้นตัวของจีนยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญของราคาน้ำมันในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าความต้องการน้ำมันครึ่งหนึ่งของทั่วโลกในปีนี้จะมาจากจีน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของเครื่องบินเพิ่มสูงมากขึ้น และหากความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก็อาจทำให้กลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ โอเปกพลัส (OPEC+) อาจต้องพิจารณานโยบายลดกำลังการผลิตใหม่
ขณะที่ล่าสุดสหภาพยุโรป หรือ อียู (EU) ร่วมกับกลุ่ม G7 และออสเตรเลีย มีมติกำหนดเพดานผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปที่มีมูลค่าสูงของรัสเซีย เช่น น้ำมันดีเซล ไม่เกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และผลิตภัณฑ์น้ำมันมูลค่าต่ำ เกิน 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว 5 ก.พ. 66 เป็นต้นไป ถือเป็นการขยายมาตรการคว่ำบาตรต่ออุตสาหกรรมน้ำมันรัสเซีย
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) ประเมินว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีจากประเด็นการขยายมาตรการคว่ำบาตรที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวตัวลดลง ถือเป็นเชิง sentiment ทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นว่าราคาทั้งน้ำมันดิบและสำเร็จรูปอาจจะมีเพดานจำกัด กดดันการปรับตัวขึ้น ถึงแม้สถานการณ์ด้านความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมจะคลี่คลายลงจากทั้งจีนกลับมาเปิดประเทศ และการผ่อนคลายภาวะถอถอยของเศรษฐกิจโลก
แต่อย่างไรก็ตามยังมี ประเด็นที่ต้องติดตามเพราะหากรัสเซียตอบโต้ด้วยการไม่ขายน้ำมันที่มีราคาต่ำกว่าราคาตลาดโลกค่อนข้างมีนัยฯ อาจทำให้ยุโรปอาจประสบปัญหาด้านอุปทานน้ำมันได้หากไม่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลในยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะผู้ประกอบการกักตุนน้ำมันไว้ล่วงหน้าก่อนการคว่ำบาตรจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้นหาก พิจารณาทั้งด้านความต้องการใช้ที่จะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น และอุปทานที่อาจจะจำกัดมากขึ้น ทำให้ยังคงคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะยังคงผันผวนในกรอบที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นจำกัดจำกัด (upside) และมีโอกาสปรับตัวลงจำกัด (downside)