ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดนิ่ง คาดวันนี้ผันผวนในกรอบ 34.90 -35.25
ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 35.08 บาท/ดอลลาร์ แทบไม่ขยับ ใกล้ปิดตลาดวานนี้ 35.09 บาท/ดอลลาร์ คาดการณ์วันนี้ผันผวนและอยู่ในกรอบ 34.90 -35.25 บาท/ดอลลาร์
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่าดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
ราคาทองวันนี้ ปิดตลาดลง 50 บาท แกว่งใกล้ 1,800 ดอลลาร์ หลังร่วงหนัก
รับแรงกระแทก! ปธ.เฟด ลุยขึ้นดอกเบี้ยอีก คาดกดดันตลาดหุ้นไทย
ค่าเงินบาทแกว่งแคบ ๆ หลังอ่อนค่าจากท่าทีของเฟด
ปัจจัยที่ตลาดรอดูคือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ รวมทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า
แนะนำผู้ส่งออกควรขายเงินตราต่างประเทศ เพื่อปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 35.20 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ทำให้ดัชนี S&P500 เคลื่อนไหวผันผวน ก่อนปิดตลาด +0.14% หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP รวมถึง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ยังคงออกมาดีกว่าคาด สะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและตึงตัว ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุดจาก CME FedWatch Tool โอกาสที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคม ได้เพิ่มสูงขึ้น สู่ระดับเกือบ 80%
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย +0.09% ตามการรีบาวด์ของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ที่เผชิญแรงขายหนักในช่วงที่ผ่านมา (ASML +1.4%, Kering +0.7%) อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของบรรดาธนาคารกลางหลัก ซึ่งผู้เล่นในตลาดเริ่มคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) จนเกือบแตะระดับ 4.00% ได้ในปีนี้
ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ยังคงสนับสนุนแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด พร้อมกับเปิดโอกาสการเร่งขึ้นดอกเบี้ย (+50bps) ในการประชุมเดือนมีนาคม ทำให้ บอนด์ยีลด์ในฝั่งสหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ 2 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุระดับ 5% ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ส่วนบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 3.98%
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมทรงตัว โดยมีจังหวะที่อ่อนค่าลงในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ก่อนที่จะรีบาวด์กลับขึ้นมาที่ระดับเดิม หลังข้อมูลการจ้างงานเบื้องต้น ออกมาดีกว่าคาด โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 105.6 จุด ส่วนในฝั่งราคาทองคำ การเคลื่อนไหวของ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ค่อนข้างผันผวน ตามทิศทางของเงินดอลลาร์ โดยราคาทองคำมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นใกล้โซนแนวต้าน ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ก่อนจะพลิกกลับมาปรับตัวลงกลับสู่โซนแนวรับแถว 1,815-1,820 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานที่ดีกว่าคาด
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง (Initial & Continuing Jobless Claims) ซึ่งตลาดประเมินว่า ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใส อาจทำให้ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำหรือไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากจากช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไป
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มเข้าสู่โหมด Wait and See หรือ รอประเมินข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองอย่างชัดเจน ทำให้ ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงระยะสั้น โซนแนวรับจะอยู่ในช่วง 34.90-35.00 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงนี้ จะเห็นได้ว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง (ค่าเงินบาทผันผวนในระดับ 9%-10% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี ที่ผ่านมาที่ระดับ 5% เป็นอย่างมาก)