ดอกเบี้ยขึ้น-ราคาแพง มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์
ดอกเบี้ยและราคาซื้อขาย สิ่งที่นักลงทุนมองเป็นตัวแปรหลักมีผลต่อการตัดสินใจลงทุนซื้ออาคาร โครงการอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิก
ผลสำรวจความคิดเห็นนักลงทุนทั่วโลกโดยเจแอลแอลในรายงานที่มีชื่อว่า Asia Pacific Investor Sentiment Barometer 2023 พบว่า นักลงทุนมองว่าความไม่แน่นอนของทิศทางราคาซื้อขาย เป็นความท้าทายใหญ่ที่สุดในการกำหนดแผนการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ในปีนี้ (2566) ปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นทำให้ยากต่อการคาดเดาและแต่ละประเทศมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน เป็นความท้าทายที่สำคัญที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ ยังเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากปีที่แล้ว ซึ่งปีก่อนหน้ามีนักลงทุน 82% มองว่า นักลงทุนมองว่าการแข่งขันกันเพื่อแย่งซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นหนึ่งในความท้าทาย แต่ปีนี้เหลือเพียง 9% ที่มีความกังวลประเด็นนี้
อย่างไรก็ตาม แม้มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยและราคาขาย มีแนวโน้มที่จะทำให้การลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้มีปริมาณปรับตัวลดลง ก็แค่ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุน แต่ไม่ถึงกับถอนการลงทุน
ในปี 2565 ที่ผ่านมา เอเชียแปซิฟิกมีการลงทุนซื้อขายอาคาร-โครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 1.29 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าปีนี้มูลค่าจะลดลงไปอีกราว 5-10%
นักลงทุนเตรียมพร้อมปรับแผนการลงทุนในปีนี้ ตามสถานการณ์ความท้าทายที่เกิดขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง แต่การใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ได้หมายความว่า นักลงทุนหมดความเชื่อมั่นในระยะยาวสำหรับการลงทุนในภูมิภาคนี้ แต่เป็นเรื่องของความจำเป็นที่จะต้องปรับวิธีการ จังหวะเวลา และประเภทของสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุนเพิ่มในระยะต่อไปของปีนี้
นายร็อดดีย์ อลัน ประธานบริหารฝ่ายวิจัยภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
เน้นซื้ออาคารเก่า โรงแรม เปลี่ยนเป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่า
โดยในปีนี้ นักลงทุนจึงกำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และระดับความเสี่ยงที่จะสามารถยอมรับได้ เน้นสินทรัพย์ที่สามารถเข้าซื้อและลงทุนสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ได้แก่ การซื้ออาคารเก่าหรืออาคารเกรดรองที่สามารถลงทุนปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น หรือยกระดับมาตรฐานให้เป็นอาคารเขียว รวมไปถึงการเข้าซื้อโรงแรมเพื่อปรับเปลี่ยนเป็นอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าในหัวเมืองที่มีที่พักอาศัยไม่เพียงพอรองรับความต้องการของผู้เช่า
ในส่วนของประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนสนใจซื้อ พบว่า นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดแก่อสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโลจิสติกส์ (โกดัง/คลังสินค้า) ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงของผู้เช่าและมีค่าเช่าปรับสูงขึ้น และบางกลุ่มจะลงทุนซื้ออพาร์ตเม้นท์ให้เช่ามากขึ้น
ขณะที่โรงแรมเป็นอสังหาริมทรัพย์อีกประเภทหนึ่งที่มีแนวโน้มได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น หลังมีการยกเลิกมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศและภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว
โตเกียว แนวโน้มการลงทุนซื้อขายสูงสุด
ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน นักลงทุนสนใจการลงทุนในตลาดที่มีเสถียรภาพกว่า เช่น ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ โดยเฉพาะโตเกียวมีแนวโน้มที่จะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สูงสุดในปีนี้