ค่าเงินบาทเปิด "แข็งค่าขึ้น" เปิดตลาด 36.62 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิด "แข็งค่าขึ้น" เปิดตลาด 36.62 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐ
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 36.62 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 36.80 บาท/ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของสหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของสหรัฐเพิ่มขึ้นตามคาดในเดือน เม.ย.

ซึ่งแม้จะไม่ได้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเฟดจะสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้เร็วเพียงใด แต่ก็ทำให้นักลงทุนเริ่มคาดการณ์กันว่าเฟดอาจมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ครั้งแรกในเดือน ก.ย. และครั้งที่ 2 ในเดือน ธ.ค.
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน เม.ย. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
เมื่อคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 49.2 ในเดือน เม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 49.6 โดยดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างวันที่ 27 - 31 พ.ค. 67 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 11,765 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตรไทย 1,494 ล้านบาท
ในสัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือน พ.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน เดือน เม.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 36.50 - 36.80
*แนะนำ ทยอยซื้อที่ 36.50/ ขาย 36.80
EUR/THB 39.70 - 40.10
* แนะนำ ซื้อ 39.70/ ขาย 40.10
JPY/THB 0.2330 - 0.2380
* แนะนำ ซื้อ 0.2330 / ขาย 0.2380
GBP/THB 46.60 - 47.00
AUD/THB 24.30 - 24.70
เช่นเดียวกับ นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.61 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.79 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม)
โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา (รวมถึงช่วงวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดของไทย) เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 36.58-36.92 บาทต่อดอลลาร์) ตามทิศทางเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมทองคำ โดยล่าสุด รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ (ISM Manufacturing PMI) เดือนพฤษภาคม ที่ปรับตัวลดลง สู่ระดับ 48.7 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) แย่กว่าที่ตลาดคาดพอสมควร ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง
โดยผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดมีโอกาสราว 65% ในการลดดอกเบี้ย “2 ครั้ง” ในปีนี้ (จากเดิมตลาดให้โอกาสราว 40% หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงตามคาดในวันศุกร์ที่ผ่านมา) ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง ส่วนราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด
สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) รวมถึง ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)
แนวโน้มของค่าเงินบาท
ประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าได้ชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดได้คลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงทิศทางราคาทองคำ (ซึ่งจะผันผวนไปตามการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้)
นอกจากนี้ ควรจับตาแนวโน้มฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยได้อีกครั้ง หากบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น อนึ่ง ในส่วนแนวรับของเงินบาทนั้นจะอยู่ในโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ (แถวเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน) ซึ่งหากเงินบาทสามารถแข็งค่าทะลุระดับดังกล่าวได้ก็อาจเปิดโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อทดสอบโซน 36.25 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ส่วนแนวต้านสำคัญจะอยู่ในช่วง 37 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป คือ 37.25 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งใกล้จุดอ่อนค่าสุดในปีนี้)
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น มองว่า ทิศทางเงินดอลลาร์จะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงาน ว่าจะออกมา “ดีกว่าคาด” หรือ “แย่กว่าคาด” นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามเงินยูโร (EUR) ซึ่งจะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดว่า ECB จะลดดอกเบี้ยได้กี่ครั้งในปีนี้
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.25-37.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.70 บาท/ดอลลาร์
เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิงไทย ทำศึกเนชันส์ ลีก 2024 สัปดาห์ 3 ฮ่องกง
5 มิ.ย.67! กฟน.ประกาศ “ดับไฟ” 3 จุด กทม.-สมุทรปราการ
แหล่งโปรตีนธรรมชาติ เสริมการเจริญเติบโต ใครบ้างเหมาะกับกินเวย์โปรตีน?