เปิดอันดับดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ แจกสูตรเก็บเงิน 4 กระปุก
อัพเดตดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ล่าสุด แบงก์ไหนให้ดอกเบี้ยเท่าไรกันบ้าง Money Trick รวมมาให้แล้ว
Money Trick พามาอัพเดตดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ปี 2567 บัญชีเงินฝากยอดนิยมสำหรับหลาย ๆ คนที่ใช้ในการออม แม้ว่าจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าการฝากประจำ หรือการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ แต่ข้อดีคือเริ่มต้นง่าย สามารถเปิดบัญชีได้ง่าย ด้วยจำนวนเงินไม่มาก ขั้นตอนไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นออมเงิน สามารถถอนได้ตามความต้องการ ไม่กำหนดระยะเวลาในการฝากเงิน ไม่มีขั้นต่ำในการฝาก การันตีผลตอบแทนแน่นอน ได้ดอกเบี้ยสม่ำเสมอ และมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก
สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ ปลดล็อก เข้าถึงเงินกู้
- อันดับที่ 7 0.125% ได้แก่ ธนาคารทหารไทยธนชาติ
- อันดับที่ 6 0.25% ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
- อันดับที่ 5 0.3% ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยา และ ทิสโก้
- อันดับที่ 4 0.35% ได้แก่ ธนาคารยูโอบี และ ซีไอเอ็มบีไทย
- อันดับที่ 3 0.4% ได้แก่ ธนาคารไทยเครดิต
- อันดับที่ 2 0.45% สำหรับวงเงินฝากน้อยกว่า 10 ล้านบาท และ 0.55% สำหรับวงเงินฝาก 10 ล้านบาทขึ้นไป ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ
- อันดับที่ 1 0.7% ได้แก่ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย)
โดยในปี 2567 นี้มีหลายธนาคารที่นำเสนอบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่ง แต่ละธนาคารมีจุดเด่นและข้อเสนอที่แตกต่างกันไป ทั้งในแง่ของอัตราดอกเบี้ย เงื่อนไขการฝาก และบริการเสริมอื่น ๆ
ยกตัวอย่าง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ก็มีเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ บวกอัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อปี เป็นระยะเวลา 12 เดือน โดยกำหนดเปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท ถอนได้เดือนละ 1 ครั้ง
ธนาคารกรุงศรี มีบัญชีกรุงศรีออมทรัพย์มีแต่ได้ออนไลน์ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.5% สำหรับยอดไม่เกิน 1 แสนบาท สามารถถอนได้ 2 ครั้งต่อเดือน โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แต่การถอนเงินหรือโอนเงินตั้งแต่ครั้งที่ 3 เป็นต้นไป จะเสียค่าธรรมเนียม 50 บาท
และธนาคารเกียรตินาคินภัทร มีบัญชีออมทรัพย์ KKP SAVVY อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.5% ต่อปี สำหรับเงินฝากน้อยกว่า 1 หมื่นบาท ส่วนยอด 1 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี มากกว่า 2 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1.6% ต่อปี มากกว่า 2 ล้านบาทถึง 5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1.8% ต่อปี และส่วนที่เกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป ดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.5% ต่อปี
แม้ว่าการฝากออมทรัพย์จะได้ดอกเบี้ยในอัตราที่น้อย ไม่ถึง 1% แต่สาเหตุที่เราควรจะมีเงินส่วนหนึ่งอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เพื่อสำรองสภาพคล่อง ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้มีเงินที่พร้อมใช้ไม่ต้องไปแตะเงินลงทุน
สำหรับใครไม่อยากรู้สึกว่าการออมเป็นภาระจนเกินไป ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แนะนำเทคนิคการออมเงินแบบนี้ เริ่มต้นออมเดือนละ 10% ของรายได้ เช่น ได้เงินเดือนมา 15,000 บาท หักไว้เป็นเงินออมก่อน 1,500 บาท โดยให้แบ่งเงินออมเป็น 4 กระปุก ดังนี้
1.บัญชีเงินออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน ไว้รับมือกับเรื่องราวไม่คาดฝันต่าง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือตกงานกะทันหัน ทางที่ดีควรมีเงินก้อนนี้ติดบัญชีไว้บ้างสัก 3 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน
2.บัญชีเงินออมเพื่ออนาคต สำหรับสร้างความมั่นคงในชีวิต เช่น ไว้ใช้หลังเกษียณ ซื้อบ้าน ซื้อรถ เงินก้อนนี้ต้องใช้วินัยในการออมสูง จึงต้องกันเงินไว้ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญเมื่อใส่เงินเข้าไปในบัญชีนี้แล้ว ให้ลืมมันไปเลย ไม่ว่าอย่างไรจะไม่ถอนเงินก้อนนี้ไปใช้เด็ดขาด
3.บัญชีเงินออมเพื่อความสุข สำหรับใช้จ่ายได้ตามความต้องการ ไว้ท่องเที่ยว ให้รางวัลตัวเอง ซื้อความสุขให้ตัวเองได้เต็มที่
4.บัญชีเพื่อการลงทุน ให้เงินทำงานสำหรับสร้างผลตอบแทนในระยะยาว โดยเริ่มจากหาความรู้เรื่องการลงทุนต่าง ๆ ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ต้องอยู่ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
ส่วนใครจะจัดสรรเงินออมเข้ากระปุกไหนมาก กระปุกไหนน้อย อันนี้ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับการวางแผนการเงินให้เหมาะสมสำหรับแต่ละคนได้เลย
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB