ค่าเงินบาทเช้าเปิด 33.81 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวาน
ค่าเงินบาทเช้าเปิด 33.81 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวาน ด้านดอลลาร์อ่อนค่า สวนทางการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ฝ่ายธุรกิจตลาดเงินและธุรกรรมระหว่างประเทศ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเช้านี้เปิดตลาด 33.81 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.94 บาท/ดอลลาร์ ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก สวนทางการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4.3%
ขณะที่นักลงทุนพากันขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐ

และนักลงทุนจับตามาตรการทางภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัม ซึ่งส่งสัญญาณใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ในวันที่ 2 เม.ย.
เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,191 ล้านบาท และ ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 2,750 ล้านบาท
กรอบค่าเงินวันนี้และกลยุทธ์แนะนำ
USD/THB 33.70- 34.00
*แนะนำ ซื้อ 33.70/ ขาย 34.00
EUR/THB 36.20- 36.70
* แนะนำ ซื้อ 36.20 / ขาย 36.70
JPY/THB 0.2220- 0.2270
* แนะนำ ซื้อ 0.2220/ ขาย 0.2270
GBP/THB 43.50- 44.00
AUD/THB 21.00- 21.50
ด้าน นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่า เงินบาท (USDTHB) จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงแบบค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจกล่าวได้ว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways Up หลังเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดก็รอทยอยขายทำกำไรสถานะ Long EUR (มองเงินยูโรแข็งค่าขึ้น) หลังตลาดได้ทยอยรับรู้ปัจจัยสนับสนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโรไปพอสมควรแล้ว และที่สำคัญ เรายังคงกังวลว่า ราคาทองคำยังเสี่ยงอยู่ในช่วงการพักฐาน เนื่องจากขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยในส่วนของความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อย่าง สงครามรัสเซีย-ยูเครน นั้น ก็ดูจะลดความร้อนแรงลงไปได้บ้าง หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่ทะเลดำ และข้อตกลงห้ามโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานกับทั้งฝั่งรัสเซียและยูเครน
แต่หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นบ้าง การแข็งค่าขึ้นก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดและอาจชะลอลงแถวโซนแนวรับ 33.70-33.80 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงซื้อเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้า เนื่องจากเป็นช่วงปลายเดือน ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจค่อยเป็นค่อยไป โดยยังมีโซนแนวต้านแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้ชัดเจน จะสะท้อนว่า เงินบาทได้กลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.00 บาท/ดอลลาร์