“แบรนด์หรู แบรนด์ลักซ์ชัวรี่” ระงับการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย
แบรนด์ลักซ์ชัวรี่ แอร์เมส ชาแนล คาร์เทีย รวมถึงแบรนด์หรูอื่นๆ ระงับการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย สร้างแรงกดดันให้กับผู้บริโภคกรณีรัสเซียรุกรานยูเครน
3 แบรนด์ลักซ์ชัวรี่ ไม่ว่าจะเป็น Hermes (แอร์เมส) Chanel (ชาแนล) Cartier (คาร์เทีย) ได้ระงับการดำเนินธุรกิจในรัสเซียแล้ว โดยให้เหตุผลว่ามีความกังวลเกี่ยวกับความปลอด
จับตาเจรจารัสเซีย-ยูเครนรอบ 3 วันนี้
รัสเซียประกาศหยุดยิงชั่วคราวใน 2 เมืองยูเครน ให้ประชาชนอพยพ
ก่อนหน้านี้ แบรนด์ดังจากฝั่งตะวันตก หลายแห่ง รวมถึง Apple, Microsoft, Ikea และ Nike ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อระงับการทำธุรกิจในรัสเซีย แม้ว่าจะมีกระแสวิจารณ์ว่า แบรนด์สินค้าเหล่านี้ต้องรอให้การโจมตียาวนานถึง 9 วันกว่าจะมีท่าทีดังกล่าวออกมา
กลุ่ม LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของมากกว่า 70 แบรนด์ นอกจาก หลุยส์ วิตตอง เช่น Givenchy (จีวองชี่) BVLGARI (บุลการี) LOEWE (โลเอเว่) Fendi (เฟนดิ) เซลีน (CELINE) Christian Dior (คริสเตียน ดิออร์) เป็นต้น ซึ่งมีพนักงานประมาณ 3,500 คนในรัสเซียและมีร้านบูติคอีก 120 แห่ง และเตรียมบริจาคเงิน 1 ล้านยูโรให้กับผู้ลี้ภัย
ปูติน ยันจะเลิกโจมตี เมื่อยูเครนยอมแพ้และรับเงื่อนไข
ขณะที่ความเห็นของแอร์เมส (Hermes) ออกมาประกาศว่า จะดำเนินการปิดร้านของเราในรัสเซียชั่วคราวและหยุดกิจกรรมเชิงพาณิชย์ทั้งหมดชั่วคราว จากความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำการส่งสินค้าไปยังรัสเซียอีกต่อไป รวมถึงระงับการสั่งซื้อออนไลน์ในพื้นที่ด้วย สำหรับแอร์เมสมีบูติคในรัสเซีย 3 แห่ง พนักงานประมาณ 60 คน
ทางด้านของ Chanel (ชาแนล) กล่าวว่าจะบริจาคเงิน 2 ล้านยูโรให้กับองค์กรบรรเทาทุกข์ผู้ลี้ภัยที่ดำเนินการตามชายแดนของยูเครน พร้อมยุติการขายสินค้าทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน 300 คน เช่นเดียวกับ แบรนด์จิวเวลรี อย่าง Cartier (คาร์เทีย) และ Van Cleef & Arpels (แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์)
ราคาทองวันนี้ พุ่งอีก 450 บาท สูงสุดรอบปีครึ่ง ทะลุ 2,000 เหรียญ
และเป็นที่ทราบดีว่าขณะนี้กำลังมี Paris Fashion Week ซึ่งเหล่าผู้ร่วมงานดังกล่าวต่างกดดันให้ แบรนด์ลักซ์ชัวรี่ ต่างๆ ดำเนินการดังกล่าว เพราะมองว่าไม่สมควรที่จะเปิดร้านบูติกในกรุงมอสโก เมื่อเกิดเหตุโจมตีในกรุงเคียฟ ขณะเดียวกันหลายคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแห่ไปซื้อสินค้าดังกล่าว ทั้งนาฬิกา และ กระเป๋าถือราคาแพงเหล่านั้น เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นช่องโหว่ในการลักลอบฟอกเงินออกนอกประเทศและเป็นการดูหมิ่นมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวด