จับตาเจรจารัสเซีย-ยูเครนรอบ 3 วันนี้

โดย PPTV Online

เผยแพร่

ท่ามกลางการสู้รบในยูเครน หลายฝ่ายหวังว่าให้วิกฤตครั้งนี้จบลงบนโต๊ะเจรจา เพราะนับจนถึงขณะนี้ มีประชาชนกว่า 1 ล้าน 5 แสนคนที่ต้องอพยพออกจากยูเครน และในวันนี้ มีการยืนยันจากทั้งฝ่ายรัสเซียและยูเครน ว่าการเจรจารอบสามจะจัดขึ้น แต่ยังไม่ได้ระบุสถานที่และเวลาอย่างแน่ชัด

ผู้แทนเจรจาจากยูเครนและรัสเซีย จะจัดการเจรจารอบสามในวันนี้ โดยนายเดวิด อารัคฮาเมีย เจ้าหน้าที่เจรจาฝ่ายยูเครน เปิดเผยเรื่องนี้ผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวของเขา แต่ไม่ได้มีการให้รายละเอียดอย่างอื่นเพิ่มเติม

ส่วนสำนักจ่าว TASS ของทางการรัสเซีย รายงานเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่เจรจาของรัสเซีย ยืนยันระหว่างการไลฟ์สดว่า การเจรจารอบสามจะเกิดขึ้นในวันที่ 7 มีนาคมนี้ โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเปิดเผยว่า ระหว่างการเจรจารอบสอง 

รัสเซียชี้จะใช้การทูตแก้วิกฤตยูเครนต่อ

“ยูเครน” ขอ “อบราโมวิช” ช่วยเจรจา "ปูติน" ยุติสงคราม

ทางฝั่งยูเครนได้แสดงศักยภาพในการเจรจา และทั้งสองฝ่ายพบว่า มีจุดร่วมที่ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าสำคัญที่สุดคือเพื่อชีวิตของประชาชน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝั่งยังไม่ได้ยืนยันว่า การเจรจาจะเกิดขึ้นที่ไหนกันแน่

ขณะเดียวกัน ท่ามกลางการเจรจา ทางทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือ IAEA ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ ได้เตือนถึงความเป็นกังวลหลังกองกำลังรัสเซียเข้ายึดโรงไฟฟ้าซาโปริสเซียได้ และในเวลานี้เริ่มเข้าไปควบคุมการดำเนินงานของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งดังกล่าว โดยไอเออีเอได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของยูเครนว่า เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยูเครน ตอนนี้ต้องเข้าไปขออนุญาตในการดำเนินงาน หรือแม้แต่งานซ่อมบำรุงจากกองกำลังรัสเซียก่อน

วินาที ฮ.รัสเซียถูกยูเครนยิงตก ไฟลุกท่วม

นอกจากนี้ ทางรัสเซียยังตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตในโรงไฟฟ้าดังกล่าว ซึ่งมันส่งผลส่งผลกระทบต่อการรับส่งข้อมูลผ่านช่องทางสื่อสารปกติ

ท่ามกลางสถานการณ์การตึงเครียดที่เกิดขึ้นจากการสู้รบ ประชาชนในยูเครนต้องอพยพออกนอกประเทศ โดยล่าสุด มีข้อมูลว่า ตอนนี้มีผู้ลี้ภัยจากการสู้รบในยูเครน เข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านแล้วกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน

ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ลี้ภัยการสู้รบจากยูเครน เข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านแล้วกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน ซึ่งถือเป็นวิกฤตผู้ลี้ภัยที่เกิดขึ้นเร็วที่สุดในรอบศตวรรษ นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

หนึ่งในผู้ลี้ภัยชาวยูเครน ต่างแสดงความซาบซึ้งใจ ที่นานาชาติ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป ให้การช่วยเหลือและต้อนรับผู้ลี้ภัยเป็นอย่างดี

ส่วนในเวลานี้ ประเทศที่ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่จากยูเครนอพยพไปก็คือ โปแลนด์ ซึ่งบรรยากาศที่ริมชายแดนโปแลนด์ก็เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และมีบางประเทศที่ส่งตัวแทนมารอรับพลเมืองของตนด้วย แต่ทางอาสาสมัครก็ยอมรับว่า เกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน เพราะตรงจุดนี้ก็มีความวุ่นวายค่อนข้างมาก

ส่วนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เดินทางไปที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้าน คอร์โชวา (Korczowa) ของโปแลนด์ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับพรมแดนยูเครน

ศูนย์การค้าแห่งนี้ ถูกใช้เป็นศูนย์รองรับผู้ลี้ภัยการสู้รบหลายพันคน ที่แห่ข้ามพรมแดนเข้ามายังโปแลนด์อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงอพยพออกมาจากหลายเมืองไม่ได้ อย่างที่เมืองมารีอูปอล รถบัสจำนวนมากจอดอยู่เรียงราย เพื่อเตรียมความพร้อม โดยแผนอพยพประชาชนในเมืองมารีอูปอล ต้องหยุดชะงัก หลังถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อม โดยเจ้าหน้าที่ฝั่งยูเครนเปิดเผยว่า กระบวนการอพยพประชาชนที่ตกค้างในพื้นที่ต้องล่าช้า เนื่องจากทหารของกองทัพมอสโก ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และยังคงโจมตีถล่มเมืองอย่างต่อเรื่อง ทำให้ต้องระงับแผนการอพยพพลเรือนออกไปก่อน

ปูติน ยันจะเลิกโจมตี เมื่อยูเครนยอมแพ้และรับเงื่อนไข

ซึ่งก่อนหน้านั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ประกาศว่า กองทัพจะหยุดยิงชั่วคราวใน 2 เมืองของยูเครน คือ "มาริอูปอล" เมืองยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลดำ และเมืองโวลโนวากา ทางตะวันออกของยูเครน ตั้งแต่เวลา 10.00 นาฬิกา ถึง 17 นาฬิกาของวันเสาร์ ตามเวลาท้องถิ่นรัสเซีย หรือราว 14 นาฬิกา ถึง 21 นาฬิกา ตามเวลาในไทย

โดยรองนายกรัฐมนตรีของยูเครน กล่าวว่า ฝ่ายรัสเซีย ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และการสู้รบยังคงเกิดขึ้นบนถนนที่เชื่อมต่อระหว่างมาริอูปอล ไปยังเมืองซาโปริซเซียอย่างต่อเนื่อง ทำให้การอพยพเป็นไปไม่ได้

ส่วนที่เมืองโวลโนวากา  มีรายงานว่า มีการอพยพในระยะเวลาสั้นๆ โดยมีประชาชน 400 คนสามารถอพยพจากเมืองโวลโนวากาได้สำเร็จ โดยผู้ว่าการภูมิภาคดังกล่าวเปิดเผยว่า แม้จะตั้งใจที่จะอพยพประชาชนให้ได้มากกว่านี้ แต่ก็ต้องหยุด เพราะว่ามีรายงานว่ารัสเซียเริ่มยิงเข้าใส่เมืองโวลโนวากาอีกครั้ง ทำให้เป็นอันตรายเกินกว่าจะอพยพได้

ส่วนกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวหากลุ่มชาตินิยมยูเครนในเมืองมาริอูปอลและเมืองโวลโนวากา ว่าเป็นฝ่ายขัดขวางการอพยพ พร้อมระบุด้วยว่า รัสเซียเคารพข้อตกลงหยุดยิง และกล่าวหากองกำลังยูเครน เสริมการป้องกันเพิ่มเติมในระหว่างที่การสู้รบยุติลงชั่วคราว

"เซเลนสกี" เชิญ "อีลอน มัสก์" เยือนยูเครน

Bottom-BDMS Bottom-BDMS

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

PPTVHD36

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ