SCC เผยยื่นไฟลิ่ง SCGC เสนอขาย IPO ไม่เกิน 25.2%
SCC ได้ฤกษ์ดันบริษัทย่อย SCGC ธุรกิจปิโตรเคมีเข้าตลาด เสนอขาย IPO ไม่เกิน 25.2% ขายหุ้นเพิ่มทุนเฉียด 4 พันล้านหุ้น
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG รายงานว่าบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ และร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
SCC กำไรปี 2564 พุ่ง 38% อนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 10 บาท
ก.ล.ต.เล็งคุมหลักเกณฑ์จัดสรรหุ้น IPO หวังกระจายถึงมือประชาชน
ภายใต้แผน IPO นี้ SCGC คาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 3,854,685,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 25.2 ของทุนชำระแล้วของ SCGC ภายหลังการเพิ่มทุนและการออกและเสนอขายหุ้น IPO เพื่อเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก
ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นผู้มีอำนาจควบคุมของ SCGC และ SCGC จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เช่นเดิม
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น SCGC มีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้รับจากการ IPO เพื่อ
- ใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายธุรกิจซึ่งรวมถึงการขยายกำลังการผลิตหรือการพัฒนาศักยภาพของ SCGC และบริษัทย่อยของ SCGC (Organic) การจัดตั้งบริษัท การเข้าซื้อกิจการ รวมถึงทรัพย์สินอื่น (Inorganic) และ/หรือการลงทุนเพื่อบำรุงรักษา(Maintenance)
- ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน และ/หรือชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับบริษัทฯ และ
- ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผน IPO ของ SCGC ให้ทราบต่อไปผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลในรายละเอียดจากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี ้ชวนของ SCGC ซึ่งได้ยื่นต่อส านักงาน ก.ล.ต. ได้ที่เว็บไซต์ของส านักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th) และเว็บไซต์ของ SCGC (www.scgchemicals.com)
อนึ่ง การออกและการเสนอขายหุ้น IPO ดังกล่าวจะกระทำได้ต่อเมื่อ SCGC ได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ที่ออกใหม่จากส านักงาน ก.ล.ต. และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี ้ชวนเพื่อการเสนอขายหุ้น IPO มีผลใช้บังคับแล้ว
SCGC เป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรชั้นแนวหน้าในภูมิภาคอาเซียน ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การทำการตลาด และการขายผลิตภัณฑ์ปิ โตรเคมีต่าง ๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์โมโนเมอร์ต้นน้ำไปจนถึงผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ปลายน้ำ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องของปิ โตรเคมี และผลิตภัณฑ์ปิ โตรเคมีส าเร็จรูป โดย SCGC มีโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิ โตรเคมีชั้นนำอยู่ในสามประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม
ปัจจุบัน SCGC อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมี (Petrochemical Complex) ในประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งแรกของปี 2566 การเป็นผู้ประกอบกิจการชั้นในทั้งสามประเทศดังกล่าวท าให้ SCGC สามารถตอบสนองอุปสงค์ในท้องถิ่นที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตลอดจนการผนึกกำลังในระดับภูมิภาคในด้านการจัดการวางแผนด้านผลิตภัณฑ์ การจัดซื้อจัดหา และการใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ร่วมกัน
นอกจากนี้ SCGC เติบโตอย่างต่อเนื่องผ่านการขยายธุรกิจและการเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก รวมถึงการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products หรือ HVA) และผลิตภัณฑ์ SCGC Green PolymerTM ที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคม รวมถึงการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาของ SCGC อย่างยั่งยืน
SCGC ดำเนินกิจการอยู่ในภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนต่าง ๆ เช่น จำนวนประชากรขนาดใหญ่ที่ยังอยู่ในช่วงอายุน้อย การเติบโตของการบริโภคที่สูงขึ้นเนื่องจากการเพิ่มขึ ้นของชนชั้นกลาง และการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว
แพลตฟอร์มปิ โตรเคมีครบวงจรของ SCGC ซึ่งประกอบด้วยโรงงานผลิตของ SCGC บริษัทย่อย และบริษัทร่วม ครอบคลุมองค์ประกอบที่สำคัญภายในห่วงโซ่มูลค่าปิโตรเคมี (Petrochemical Value Chain)
ผลิตภัณฑ์ของ SCGC เป็นวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และมีความหลากหลาย ทำให้สามารถให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งอยู่ในตลาดผู้บริโภค และตลาดอุตสาหกรรมขั ้นสุดท้ายต่าง ๆเช่น กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ การแพทย์และสุขภาพ และโซลูชันพลังงาน ตลอดจนทำให้ SCGC มีสถานะในเชิงกลยุทธ์ที่จะตอบรับแนวโน้มการเติบโตของรายได้และอัตรากำไรที่น่าพอใจในตลาดที่สำคัญในภูมิภาคอาเซียน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างรายได้จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่กำลังเกิดขึ ้นในปัจจุบัน เช่น การขยายตัวของเมือง การยกระดับวิถีชีวิต การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานไปสู่พลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 SCGC มีกำลังการผลิตรวม ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ (Olefins) ผลิตภัณฑ์พอลิโอเลฟิ นส์ (Polyolefins) และเม็ดพีวีซีที่ 6.9 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ตามข้อมูลการวิเคราะห์ของ Nexant Energy & Chemicals Advisory (NexantECA) SCGC เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พอลิเอทิลีน (PE) พอลิโพรพิลีน (PP) และพีวีซี (PVC) รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน
ในด้านกำลังการผลิตติดตั้ง (Nameplate Capacity) ตามสัดส่วนการถือหุ้นในปี 2564โดยมีส่วนแบ่งกำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 19.0
ทั้งนี้ ในปี 2564 SCGC มีรายได้จากการขาย 238,390 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 45.0 ของรายได้จากการขายรวมของบริษัทฯ และมีสินทรัพย์รวม 377,174 ล้านบาท หรือประมาณร้ อยละ 43.8 ของสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ