HMPRO แนวโน้มกำไรปี 65 ฟื้นตัวดีก่อนโควิด จ่อกระตุ้นสินค้า Private Brand - ขยาย 7 สาขาใหม่
บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO คาดแนวโน้มกำไรปี 65 ฟื้นตัวได้ดีกว่าก่อนช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 วางแผนกระตุ้นสินค้า Private Brand และมีแผนขยายสาขาใหม่ 7 แห่ง
YGG ลุยปล่อยเกม "Home Sweet Home Survive" เวอร์ชั่นใหม่
DOHOME ไตรมาส 1 กำไรวูบ 15.4% เหลือ 459 ล้านบาท
โฮมโปร หรือ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ชื่อหลักทรัพย์ HMPRO จากการประชุมนักวิเคราะห์ เชื่อว่ากำไรปี 2565 กลับมาฟื้นตัวดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ปัจจัยหลักจากการเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 1ปี 2565 ของยอดขายสาขาเดิมราว 3% และแผนขยายสาขาเพิ่ม 5-7 สาขา อีกทั้งเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และรายได้ค่าเช่าพื้นที่จะกลับมาฟื้นตัวได้
โดยแนวโน้มกำไรในปี 2565 จะฟื้นตัวกลับมาดีกว่าช่วงปีปกติก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 (ปี2562)
ซึ่งสะท้อนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของ Home Pro และ Mega Home ในไตรมาสที่ 1/2565 ที่อยู่ในระดับราว 3% และ 7% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามลำดับ รวมถึงแผนที่จะเปิดขยายสาขาอีกประมาณ 5-7 สาขา ในช่วงครึ่งปีหลัง 2565
บริษัทฯ มีแผนกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพกำไรขั้นต้น โดยผลักดันสินค้ากลุ่ม Private Brand ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มสินค้าทั่วไป ซึ่งในไตรมาส 1/2565 มีสัดส่วนราว 20.4% ของรายได้รวม ทางบริษัทจะพยายามรักษาระดับนี้ต่อไปและตั้งเป้าหมายทั้งปี 2565 ให้อยู่ในระดับราว 20.5% ของรายได้รวม
ขณะเดียวกันสินค้ากลุ่มนี้ประมาณครึ่งหนึ่งจะจ้างการผลิตในประเทศไทย และอีกครึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตามสินค้าที่นำเข้าจากจีนคาดว่าได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์อย่างจำกัด เนื่องจากไม่ได้นำเข้าสินค้าจากเมืองที่ประกาศล็อกดาวน์
ด้านรายได้ค่าเช่าในปัจจุบัน น้อยกว่าช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ราว 20-30% ซึ่งหลัก ๆ อัตราการเช่าพื้นที่ยังไม่กลับมาเต็ม ปัจจุบันอยู่ที่ 90-95% โดยในช่วงภาวะปกติจะอยู่ที่ระดับมากกว่า 95% อีกทั้งบริษัทยังคงให้ส่วนลดพื้นที่เช่าอยู่ แต่บริษัทคาดว่าภายในปีนี้อัตราค่าเช่าพื้นที่และการให้ส่วนลดจะกลับเข้าใกล้ภาวะปกติมากขึ้น จากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ หลังรัฐบาลยกเลิกระบบ Test&Go
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ประมาณการ HMPRO กำไรปี 2565-66 อยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท เติบโต 18.2% เทียบจากปีก่อนหน้า และ 7.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.1% เทียบจากปีก่อนหน้า เฉลี่ยปีละ 15%
ทั้งนี้ HMPRO อาจจะเผชิญความเสี่ยง 2 เรื่อง คือ แรงกดดันจากต้นทุนพลังงาน หรือน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และการปรับค่าแรงขั้นต่ำ แต่มองว่ากระทบน้อย เนื่องจากมีค่าขนส่งราว 2-3% ของรายได้รวม อีกทั้งพนักงานส่วนใหญ่มีรายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ
ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวลดลงพอสมควร ซื้อขายบน PRE’65 อยู่ที่ราว 30.1 เท่า ต่ำกว่า PER Band เฉลี่ยในช่วงเวลาก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ซื้อขายอยู่ที่ 35 เท่า ประกอบกับฝ่ายวิจัยฯ มองภาพระยะกลาง-ยาว ของ HMPRO เป็นบวก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น ประกอบด้วย
- การเดินทางเข้าประเทศที่ง่ายยิ่งขึ้น
- การเปิดสาขาราว 5-7 สาขาในช่วงของครึ่งปีหลัง
- ฐานกำไรในไตรมาส 3/2564 ที่ต่ำ จากผลกระทบโควิด-19 ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่ม
โดยมูลค่าหุ้นปี 2565 อยู่ที่ 17.2 บาท ยังมี Upside อีกประมาณ 17%
ฤๅ เศรษฐกิจไทยจะไม่พ้นวิบากกรรม : เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอย?
แนะวิธีรักษาฟื้นฟูร่างกาย เมื่อมีอาการ "ลองโควิด" (Long COVID)