ADVANC เสนอจ่ายล่วงหน้า 3 พันล้าน ให้ JASIF ค่าเช่าสายใยแก้วนำแสง
ADVANC เสนอจ่ายค่าเช่าโครงข่ายให้กับ JASIF จำนวน 3 พันล้านบาท แบ่งเป็น 3 งวด เพื่อให้ได้รับกระแสเงินสดที่เร็วขึ้น ล่าสุด JASIF เลื่อนวันประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน
AIS ทุ่ม 3.2 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการ 3BB – หน่วยลงทุน JASIF
“บลจ.บัวหลวง” แจงสัญญา 3BB-JAS ไม่เปลี่ยนแปลง หลัง JASIF ราคาดิ่งแรง
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2565 บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ADVANC และ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) รวมถึงบริษัท อคิวเมนท์ จำกัด บริษัทย่อย JAS (ACU) ได้ทำบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงฯ เพื่อกำหนดเพิ่มเติมเงื่อนไขบังคับก่อนภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น
ที่ปรึกษาการเงินอิสระ ชี้ไม่ควรขาย 3BB เหตุไร้แผนลงทุนต่อ-กสทช.ยังไม่อนุมัติ
และหน่วยลงทุนในส่วนที่เกี่ยวกับค่าเช่าสายใยแก้วนำแสงจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ที่ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) จะต้องชำระให้แก่ JASIF ตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาเช่าหลัก ภายหลังจากที่ธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุนเสร็จสิ้น เพื่อเป็นการให้ผลตอบแทนกับผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF ในการได้รับกระแสเงินสดที่เร็วขึ้น
ADVANC ได้อะไร? หากซื้อ 3BB มูลค่า 3.2 หมื่นล้าน ชิงส่วนแบ่งตลาดบรอดแบนด์
โดย TTTBB ตกลงชำระเป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสามงวด ดังนี้
- งวดที่ 1 จำนวน 1,000 ล้านบาท ณ วันที่การแก้ไขสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม และแทนที่สัญญาเช่าหลัก ครั้งที่ 2 มีผลบังคับใช้ (Effective)
- งวดที่ 2 จำนวน 1,000 ล้านบาท ณ วันครบรอบปีที่ 1 นับจากวัน Effective
- งวดที่ 3 จำนวน 1,000 ล้านบาท ณ วันครบรอบปีที่ 2 นับจากวัน Effective
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะให้ความช่วยเหลือแก่ TTTBB ในการจัดหาแหล่งเงินทุน เพื่อชําระค่าเช่าสายใยแก้วนําแสงล่วงหน้าดังกล่าว
สำหรับค่าเช่าล่วงหน้าที่ได้ชําระข้างต้นถือเป็นการชําระค่าเช่าสายใยแก้วนําแสงตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม และแทนที่สัญญาเช่าหลัก ในงวดเดือนมกราคมของปี 2573 และ ปี2574 ในอัตรางวดละ 300 ล้านบาท และงวดเดือนมกราคมของปี 2575 ถึงปี 2580 ในอัตรางวดละ 400 ล้านบาท โดย TTTBB ยังคงมีหน้าที่ต้องชําระค่าเช่าสายใยแก้วนําแสงตามสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมและแทนที่สัญญาเช่าหลักที่เกิดขึ้นจริง ในเดือนมกราคมของปี 2573 ถึงปี 2580 หลังจากหักจํานวนค่าเช่าล่วงหน้า
ทั้งนี้ เงื่อนไขบังคับก่อนเพิ่มเติมดังกล่าวข้างต้นนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุนเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงกรณีที่ที่ประชุมผู้ถือหน่วยของ JASIF มีมติอนุมัติการดําเนินการที่เกี่ยวข้องของ JASIF เพื่อการเข้าทําธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุน โดยคาดว่าธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปี 2566
ล่าสุด JASIF แจ้ง ตลท. เลื่อนวันประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน จากเดินวันที่ 23 ก.ย. 65 เป็นวันที่ 18 ต.ค. 2565
อ่านฉบับเต็ม : ข้อเสนอการชำระค่าเช่าล่วงหน้าให้แก่ JASIF
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ประเมินว่า เงื่อนไขข้างต้นถือว่าดูดีขึ้นจากเดิม เนื่องจากเป็นการเร่งจ่ายค่าเช่าบางส่วนให้เร็วขึ้นจากปี 2030-2037 มาเป็นในช่วงปี2023-25 แทน แต่เงื่อนไขอื่น ๆ โดยรวมยังคงเหมือนเดิมดังเช่นที่ ADVANC เสนอมาในครั้งก่อนหน้า เช่น การยกเลิกสัญญาเช่ารองหรือสัญญาในส่วน 20% ของคาปาซิตี้รวมทั้งหมด ภายใต้สมมติฐานของค่าเช่าที่ JASIF จะได้รับเร็วขึ้นอีก 1 พันล้านบาท/ปีในช่วงปี2023-25 เราประเมินว่าจะส่งให้กําไรสุทธิและกําไรหลักของ JASIF เพิ่มขึ้นอีก 1 พันล้านบาท/ปี และสมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผล 90% ของกําไรหลัก เราประเมินว่าจะส่งให้เงินปันผลของ JASIF เพิ่มขึ้นอีก 900 ล้านบาท/ปี หรือคิดเป็นเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นอีก 0.11 บาท/หน่วย และถ้าใช้ราคาหน่วยของ JASIF ในช่วง 8-10 บาท/หน่วย จะคิดกลับมาเป็น dividend yield ที่เพิ่มขึ้นอีก 1.1-1.4% ต่อปีในช่วงปี2023-25
ทั้งนี้ในแง่ผลกระทบต่อมูลค่า DCF เราประเมินว่าไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสําคัญ เนื่องจากเป็นเพียงแค่การเลื่อนชําระค่าเช่าให้เร็วขี้นกว่าเดิม 7-12 ปี(ซึ่งไม่ใช่การลดค่าเช่า) เรามองว่าข่าวข้างต้นถือว่าเป็นข่าวบวกเล็ก ๆ ต่อผู้ถือหน่วย JASIF จากเงินปันผลที่จะได้รับเร็วขึ้นอีก 7-12 ปี เรามองว่าเป็นความพยายามของ ADVANC ที่จะยื่นเงื่อนไขใหม่ให้กับผู้ถือหน่วย JASIFเพื่อให้พิจารณาใหม่และให้โหวตดีลนี้ให้ผ่านในวันที่18 ต.ค. 2022 ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ถือหน่วย JASIF ว่าจะโหวตให้ผ่านหรือไม่บนเงื่อนไขใหม่ข้างต้น
ราคาทองวันนี้ ร่วง 50 บาท ตามตลาดสปอต ขณะค่าเงินบาท"นิ่ง"