เปิด 8 หุ้นเด่น เดือน พ.ย. รับปัจจัยบวกเศรษฐกิจไทยฟื้น-กำไรโต Q3
“ทิสโก้” แนะนำ 8 หุ้นเด่น เดือน พ.ย. เน้นลงทุนรับปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และเก็งกำไรเติบโตจากผลประกอบการไตรมาส3/65 พร้อมมองตลาดหุ้นไทยจบรอบพักฐานแล้ว
คืนนี้ เฟด ประชุมขึ้นดอกเบี้ย คาด +0.75% จับตาตลาดหุ้นอาจผันผวน
เปิด 10 กลยุทธ์ลงทุนปีหน้า รับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอย "มาแน่"
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ (TISCO) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ตลาดหุ้น ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) หลังจากที่กลับมายืนบริเวณ 1,600 จุดนั้น มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ SET Index มีโอกาสแกว่งแบบซิกแซกขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,630 และ 1,650 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,575-1,580 และ 1,550-1,560 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวเพิ่มขึ้น (Outperform) ดีกว่าตลาดหุ้นโลกต่อเนื่องถึงปี 2566
คล้ายกับในอดีตช่วงปี 2544 – 2545 ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีกว่าเศรษฐกิจโลก 2 ปีซ้อน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเติบโตแบบเร่งตัวขึ้น และดีกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ และการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในครึ่งแรกของปี 2565
โดยหุ้นที่ TISCO แนะนำในเดือน พ.ย. นี้ จะเน้นการลงทุนในหุ้นอิงเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มกำไรดี ทั้งการเก็งกำไรผลประกอบการงวดไตรมาส 3/625 และแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องในงดไตรมาส 4/65
ประกอบด้วย AU (บมจ.อาฟเตอร์ ยู), BAM (บมจ. บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์), BDMS (บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ), CPALL (บมจ. ซีพี ออลล์) และ SCB (บมจ. เอสซีบี เอกซ์)
ขณะที่ หุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนระยะสั้น อาทิ หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณในดัชนีต่าง ๆ โดย MSCI Index แนะนำ TLI (บมจ.ไทยประกันชีวิต) และ SET50 Index แนะนำ COM7 (บมจ. คอมเซเว่น), RATCH (บมจ. ราช กรุ๊ป)
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ระบุว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ธนาคารกลางสำคัญของโลกเริ่มชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย อาทิ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางแคนาดา (BOC) สะท้อนว่าธนาคารกลางเริ่มมีความมั่นใจว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาจจะเพียงพอที่จะลดอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าลงได้ แต่ในขณะเดียวกันธนาคารกลางอาจเริ่มกังวลถึงผลกระทบจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากเกินไป จนอาจเป็นความเสี่ยงให้เศรษฐกิจถดถอยได้ (Recession)
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้มีโอกาสเพียง 40% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย +75 bps โดยแนวโน้มการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ เฟด จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นได้
ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ต.ค. ที่จะประกาศช่วงกลางเดือน พ.ย. คาดว่าจะต่ำกว่าระดับ 8% ครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หากเป็นเช่นนั้นจะยิ่งเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดมากยิ่งขึ้น
“การเร่งขึ้นดอกเบี้ยเข้ามาใกล้ช่วงปลายของวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว ดังนั้นแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยระดับสูงสุดของ เฟด ในอนาคต จึงไม่น่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ระดับ 5% (+/-) มากนัก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงมากที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (Bond Yields) และเงินดอลลาร์ฯ ผ่านจุดพีคไปแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา เและเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (EM) ซึ่งหลังจากนี้แนะนำให้นักลงทุนติดตาม US Dollar Index ใกล้ชิด หากปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 109 จุด จะเป็นจุดเปลี่ยนแนวโน้มที่สำคัญในเชิงของปัจจัยเทคนิค” นายอภิชาติกล่าว