“บางจาก” ได้เงินกู้แล้วกว่า 6 หมื่นล้าน เพียงพอฮุบ “เอสโซ่” ยันไม่กระทบฐานะการเงิน
บางจาก (BCP) เผยได้แหล่งเงินกู้แล้วจากสถาบันการเงินในไทยกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพียงพอเข้าซื้อกิจการ เอสโซ่ (ESSO) ที่ตั้งวงเงินไว้ไม่เกิน 5.5 หมื่นล้าน มั่นใจไม่กระทบฐานะการเงิน คาดธุรกรรมเสร็จเร็วสุดปลายปี 66
บอร์ด “บางจาก” ลุยซื้อ “เอสโซ่” จากเอ็กซอนโมบิล จ่อเสนอผู้ถือหุ้น
น้ำมันดิบ “ยังขาลง” ตลาดห่วง ศก.ถดถอย - รอ ปธ.เฟด แถลงคืนนี้
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP นำทีมแถลงกรณีเตรียมเข้าซื้อ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ระบุว่า เมื่อเงื่อนไขครบตามสัญญาที่ระบุไว้ บางจาก จะชำระค่าซื้อหุ้นทั้งหมดให้กับ บริษัท เอ็กซอนโมบิล (ExxonMobil Asia Holding Ptr. Lte) และจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน เอสโซ่ สัดส่วน 65.99% จากนั้นเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อยในราคาเดียวกัน
ทั้งนี้ทุกปั๊ม เอสโซ่ จะยังคงใช้แบรนด์เดิมต่อไป จนกว่าจะเปลี่ยนเป็นแบรนด์บางจากทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี
ขณะที่เงินทุนที่ใช้ทำธุรกรรมดังกล่าว หากดูจากงบการเงินบางจาก มีเงินสดราว 40,000 ล้านบาทอยู่แล้ว และล่าสุดวันนี้เพิ่งได้รับอนุมัติเงินกู้จากสถาบันการเงินในไทยแห่งเดียวอีกราว 60,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งวงเงินกู้นี้จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเข้าทำธุรกรรมดังกล่าว คาดว่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) จะอยู่ในระดับ 1.7 เท่า ไม่เกิน 2.0 เท่า ถือว่าไม่ตึงตัวเกินไป
โดยคาดว่าธุรกรรมเข้าซื้อหุ้นจะแล้วเสร็จประมาณเดือน ส.ค. – ก.ย. และช้าสุดประมาณเดือน พ.ย. ซึ่งขึ้นอยู่กับการอนุมัติของหน่วยงายราชการที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามสาเหตุที่เข้าซื้อโรงกลั่นน้ำมันและปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ท่ามกลางกระแสรถไฟฟ้า (EV) นั้น นายชัยวัฒน์ มองว่า “ถ้าหากดูยอดขายรถในไทยอยู่ที่ราว 8-9 แสนคันต่อปี แต่รถอีวีกับรถปลั๊กอินไฮบริดน่าจะที่ประมาณหลักหมื่นคันต่อปี จะเห็นได้ว่าสัดส่วน 90% เป็นรถที่เติมน้ำมัน และยังไม่รวมรถที่มีอยู่แล้วราว 10 ล้านคัน รถจักรยานยนต์อีก 10 ล้านคัน ดังนั้น 99% ยังเป็นรถใช้น้ำมันอยู่”
สำหรับเรื่องของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บางจาก ยังคงให้ความสำคัญ ควบคู่ไปกับพลังงานน้ำมัน ซึ่งไม่สามารถมุ่งเน้นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ เพื่อให้บางจากยังคงมีความมั่นคง
“เราให้ความสำคัญ มันต้องบาลานซ์กัน เราไม่สามารถที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าเราเน้นพลังงานหมุนเวียนทดแทนตอลด มันก็จะไม่มีความมั่นคง วันที่ฝนตกก็จะไม่มีไฟใช้ หรือขับรถอีวีแบตหมดก็ไม่รู้เติมยังไง อย่างประเทศจีนมีรถอีวีเยอะสุดในโลก พอตรุษจีนคนขับรถกลับบ้าน ชาร์จแบตครั้งเดียวไม่พอ ยังต้องไปที่สถานี และการชาร์จแต่ละครั้งค้องใช้เวลา 40 นาที ต้องรอคิว 4-5 ชั่วโมงกว่าจะได้ชาร์จ ขนาดเป็นแบบชาร์จเร็วนะ มองงว่าน้ำมันยังเป็นที่พึ่งสำคัญ ถ้าทิ้งไปเลยเราจะมีปัญหา” นายชัยวัฒน์ กล่าว