ยอดขาย มาสด้า ปี'65 ต่ำเป้ารับปัญหาชิปขาดแคลนไม่ฟื้น
มาสด้า ประกาศผลการดำเนินธุรกิจปี 2565 อยู่ที่ 31,638 คัน ลดลง 10.59% เมื่อเทียบกับปี 2564
ปี 2565 นับเป็นปีแห่งความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์จากหลายปัญหาที่กระทบการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนชิ้นชิปในการผลิต ซึ่ง มาสด้า เป็นแบรนด์หนึ่งที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี โดยในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 4 หมื่นคัน ก่อนที่จะปรับลดลงในช่วงกลางปีลงเหลือ 3.5 หมื่นคัน จากผลกระทบดังกล่าวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบในวงกว้าง
มาสด้า ยังเผชิญปัญหาชิปขาดแคลน กระทบยอดขายปี'65 ต่ำเป้า
มาสด้า เผยยอดขายครึ่งปีแรกโต 6.4% จับตาครึ่งปีหลังยังน่าห่วง
มาสด้า กางแผนธุรกิจปี'65 ตั้งเป้าโต 15% พร้อมลุยตลาดรถยนต์มือสอง
นายทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทประกาศผลการดำเนินธุรกิจปี 2565 มียอดขายรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 31,638 คัน ลดลง 10.59% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ถือเป็นการปรับตัวที่ดีขึ้นกว่าในช่วง 2 ปีก่อนหน้าจากปัจจัยบวกด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนโยบายภาครัฐ และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบและผลักดันให้ธุรกิจต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปได้ โดยตัวเลขประมาณการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ปี 2565 มียอดขายสะสมอยู่ที่ 8.5 แสนคัน เติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แม้ว่าในปีที่ผ่านมาจะตกอยู่ท่ามกลางสงครามการแข่งขันที่ดุเดือด และประสบกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตมาตั้งแต่ต้นปี แต่ยังสามารถประคับประคองยอดขายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับยอดขายมาสด้าปี 2565 แบ่งตามรุ่นมีดังนี้
- มาสด้า 2 มียอดขายอยู่ที่ 16,249 คัน
- มาสด้า 3 มียอดขายอยู่ที่ 1,553 คัน
- มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 มียอดขายอยู่ที่ 4,249 คัน
- มาสด้า ซีเอ็กซ์-30 มียอดขายอยู่ที่ 6,092 คัน
- มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 มียอดขายอยู่ที่ 824 คัน
- มาสด้า ซีเอ็กซ์-8 มียอดขายอยู่ที่ 1,157 คัน
- มาสด้า บีที-50 มียอดขายอยู่ที่ 1,506 คัน
- มาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 มียอดขายอยู่ที่ 8 คัน
ขณะที่ ในปี 2566 มาสด้า ประกาศเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบตามแผนพัฒนาธุรกิจระยะกลาง (Mid-Term Plan) เพื่อยกระดับคุณค่าของแบรนด์มาสด้าในประเทศไทยผ่านโมเดลธุรกิจที่เราเรียกว่า “Retention Business Model” โดยให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าของแบรนด์ Brand Value Management คือการสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว Customer Retention Business ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าด้วยบริการหลังการขายที่ดีที่สุด และสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้ากับแบรนด์มาสด้า All for Customers เพื่อปรับแผนให้ธุรกิจเกิดการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเกิดความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับ ทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่จะไม่ได้หวือหวามากนักเนื่องจากยังมีปัจจัยบวกและปัจจัยลบรอบด้านที่ยังคงต้องจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในต่างประเทศที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก อาทิ ปัญหาเรื่องราคาและการขาดแคลนพลังงานในยุโรป, ความยืดเยื้อของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน นโยบายทางเงินต่างๆ สถานการณ์เงินเฟ้อที่ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิดในประเทศจีนและความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในส่วนของประเทศไทย ยังพอมีปัจจัยบวกสนับสนุนโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคของเอกชน ที่ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งจากช่วงกลางปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีนี้จะได้รับแรงสนับสนุนมากยิ่งขึ้นจากนักท่องเที่ยวชาวจีน เนื่องจากจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการเรื่องโควิด ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศไทยลงได้
ด้านทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2566 คาดว่าตลาดรถยนต์จะมีปริมาณการขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีหลายปัจจัยเข้ามาสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าปีที่ผ่านมา อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มเปิดรับชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น ภาคการเกษตรเติบโตอย่างต่อเนื่อง การบริโภคของประชาชนเริ่มกลับมา รวมถึงปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตเริ่มคลี่คลายลง แต่ทั้งนี้แล้วก็ยังคงต้องจับตามองเรื่องประเด็นความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความขัดแย้งในยุโรป ปัญหาด้านพลังงาน ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ระบบขนส่งหรือโลจิสติกส์ ล้วนส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงประเด็นเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นจึงอาจทำให้กำลังซื้อชะลอตัว
เชื่อว่าในปี 2566 ตลาดจะมีการแข่งขันกันรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด แต่ทั้งนี้โดยรวมแล้วคาดว่าตลาดรถยนต์จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรืออยู่ที่ประมาณ 850,000 – 870,000 คัน แต่สำหรับมาสด้าเรายังคงมั่นใจอย่างยิ่งว่าปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือมีตัวเลขยอดขายรวมอยู่ที่ประมาณ 35,000 คัน