“กรุงศรี” รุกหนักอาเซียน ดันรายได้ปี 66 รับกำลังศึกษา Virtual Bank
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยแผนปี 2566 เร่งขยายธุรกิจในอาเซียน ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ 10% หลังปิดดีลใน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย คาดเริ่มดำเนินงานภายในไตรมาส 2 ปีนี้ พร้อมยอมรับกำลัง Virtual Bank อย่างจริงจัง
รู้จัก "ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา( Virtual Bank)" แบงก์รูปแบบใหม่กำลังมา
ธนาคารไร้สาขากำลังจะมา...ธปท. เปิดรับฟังความคิดเห็น 12 ม.ค.-12 ก.พ.
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY แถลงแผนการดำเนินงานปี 2566 ระบุว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ปีสุดท้ายของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน ปี 2564-2566 ด้วย 3 สิ่งที่สำคัญ ประกอบด้วย
การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน (ASEN-Linked Business) ผ่านนวัตกรรมบริการด้านการเงิน โดยเน้นประเทศที่มีประชาชนจำนวนมาก และการเติบโตเศรษฐกิจที่สูงในอาเซียน ซึ่งได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ SB Finance ประเทศฟิลิปปินส์ SHB Finance ประเทศเวียดนาม
รวมถึงล่าสุดซื้อกิจการ Home Credit ประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ คาดว่าเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 1-2 ปี2566 โดยทั้ง 3 ประเทศดังกล่าวนี้ จะเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนให้เข้าสู่ตลาดอาเซียนได้รวดเร็วขึ้นในปี 2566 ผ่านกลยุทธ์ One Krungsri มุ่งเน้นเชื่อมต่อบริการทางการเงิน เช่น โอนเงินชำระค่าสินค้าในต่างประเทศ การลงทุนในต่างประเทศ บริการที่ปรึกษา แลกเปลี่ยนเงินตราในต่างประเทศ และบัตรเครดิตเป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ 10% ที่จะมาจากการดำเนินธุรกิจในอาเซียน
การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยื่นตามโมเดล ESG (ESG- Linked Business) ธนาคารตั้งเป้าหมายเป็นกลางคาร์บอน ลดปล่อนคาร์บอนได้ออกไซด์ ด้วยการสนับสนุนโครงการของลูกค้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน รวมทั้งการสนับสนุนสินเชื่อ และหุ้นกู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเขียว โดยธนาคารตั้งเป้าหมายจะสนับสนุนทางการเงินดังกล่าวราว 50,000-100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573
การพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital & Innovation) กรุงศรีได้ปรับปรุง Mobile Application ลดการเกิดระบบล่มจาก 6 ครั้ง เหลือ 3 ครั้ง ในปี 2565 และการอัปเกรด Core Banking เพื่อรองรับธุรกรรมทางการเงินของอาเซียนในระยะยาวเป็นต้น ซึ่งในปีที่ผ่านมากรุงศรีได้ใช้เงินลงทุนพัฒนาดิจิทัลราว 7,400 ล้านบาท และ คาดว่าจะเพิ่มเป็น 11,000 ล้านบาท ในปี 2566
โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลก นายเซอิจิโระ มองว่า ในปี 2566 มีแนวโน้มจะชะลอตัว เนื่องจากความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งอัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่สิ่งสำคัญคือการเติบโตทางเศรษฐกิจในอาเซียน ที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวในภาคท่องเที่ยว ซึ่งประเมินว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทย (GDP) จะเติบโต 3.6% และจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีถึง 28 ล้านคน ได้อานิสงส์ที่จีนเปิดประเทศ
ทั้งนี้ กรุงศรี ยังมองว่า ธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) เป็นสิ่งที่ดี ที่จะช่วยเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในไทยได้รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ กรุงศรี กำลังอยู่ในช่วงกำลังศึกษาอย่างจริงจัง ว่าเหมาะสมกับเทคโนโลยีที่มีอยู่หรือไม่ เนื่องจากกรุงศรีก็มีการให้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้ง (Digital Banking) อยู่แล้ว
สำหรับหนี้เสีย (NPL) ในปี 2566 กรุงศรี ประเมินว่าอาจมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย หลังมาตรการช่วยลูกค้าในช่วงโควิด-19 ของธนาคารคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้เริ่มทยอยหมดอายุแล้ว แต่จะไม่กระทบผลประกอบการของธนารคาร เนื่องจากได้มีการตั้งเงินสำรองฯไว้จำนวนมากในช่วงตั้งแต่เกิดโควิด-19 และยังมีสัดส่วน NLP ที่ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม