“เซ็นทรัลรีเทล” มองค้าปลีกสัญญาณฟื้น อัดงบ 2.8 หมื่นล้าน ขยายสาขาไทย-เวียดนาม
“เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น” (CRC) มองเห็นสัญญาณฟื้นค้าปลีก หลังท่องเที่ยวคึกคัก พร้อมทุ่มงบลงทุน 28,000 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่มในไทย-เวียดนาม ตั้งเป้าปี 2566 เติบโต 15%
WHA เร่งขยายนิคมฯ ไทย-เวียดนาม ตั้งเป้าปี 66 ขายที่ดินเพิ่ม 1,750 ไร่
ดอลลาร์พุ่ง บาทอ่อน ดอกเบี้ยกลับมาหลอกหลอน จับตากระทบหุ้นไทย
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล มองเห็นสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการในทั้ง 3 ประเทศ จากสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การเปิดประเทศของจีน รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว โดยเซ็นทรัล รีเทล อัดงบลงทุน 28,000 ล้านบาท
โดยมุ่งเน้นสร้างเซ็นทรัล รีเทล ให้เป็นเบอร์ 1 Next-Gen Omni Retailer ของเอเชีย พร้อมสร้างการเติบโตในประเทศเวียดนาม ด้วยการขยายโมเดลธุรกิจฟู้ดและศูนย์การค้า GO! ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593
โดยเป้าหมายทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้จริงผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1. Accelerate Core Leadership – เร่งสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลักในทั้ง 3 ประเทศ
• กลุ่มแฟชั่น : ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าลักชูรี่ในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อต่อยอดธุรกิจกลุ่มแฟชั่นให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ และเชื่อมต่อแพลตฟอร์มของห้างลักชูรี่ทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งจากทุกห้างของกลุ่มได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งเดินหน้าขยาย และรีโนเวทสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อีก 2 สาขา ในปีนี้
• กลุ่มฮาร์ดไลน์ : เร่งเครื่องขยายสาขาใหม่ของไทวัสดุ และไทวัสดุ ไฮบริด ฟอร์แมท รวมอีก 10 สาขาในปีนี้
• กลุ่มฟู้ด : สร้างการเติบโตในเวียดนาม รวมถึงผลักดันแบรนด์ Tops ขึ้นเป็น Food Discovery & Destination และ เบอร์ 1 Food Omni Retailer ด้วยการขยายสาขา Tops รวมอีก 15 สาขาในปีนี้
• กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ : ขยายและรีโนเวทศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ โดยมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในปีนี้ นอกจากนี้ในเวียดนามก็มีการก่อสร้างศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่ เพื่อเตรียมเปิดอีก 6-8 สาขา ในปี 2567
• สร้างฐานการเงินด้วยกลยุทธ์ 3C ประกอบด้วย Cost บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด, Capex เน้นการลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดใน Strategic Business และเร่งขยาย Proven Format และ Cash Flow ขยายขีดความสามารถในการจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้มีความรวดเร็ว คล่องตัว และเพิ่มกระแสเงินสดให้มากขึ้น สำหรับสร้างการเติบโตทางธุรกิจต่อไป
2. Reinvent Next-Gen Omni Retail - ยกระดับ CRC Ecosystem ด้วยการนำเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ มาสร้างการเติบโตให้ทั้งลูกค้า แบรนด์ และพาร์ทเนอร์ บนแพลตฟอร์ม Next-Gen Omni Retail เพื่อมอบประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภค ทั้งในด้าน Experience-driven เชื่อมโยงทุกช่องทางอย่างไร้รอยต่อ การใช้ AI เพื่อมอบสินค้าและบริการที่ตรงใจลูกค้าแบบ Smart Retail รวมถึงการปรับเปลี่ยนแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็ว ตามเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย Agile Commerce และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกที่ทุกเวลาแบบ Multi-Moment
3. Build New Growth Pillars – ต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ โดยมีแผนเปิดตัวธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเสริมทัพธุรกิจในประเทศไทยและเวียดนาม
4. Drive Partnership, Acquisition and Spin Off – ร่วมมือกับพันธมิตรและการทำ M&A พร้อมนำ MEB เบอร์ 1 แพลตฟอร์ม E-Book เข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไป ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นี้
นายญนน์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 4 กลยุทธ์ดังกล่าว จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เติบโต และคาดว่าจะสร้างรายได้ในปี 2566 ราว 270,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป ผ่าน 4 กลยุทธ์ ‘ReNEW’ โดยตั้งเป้าระยะสั้นในปี 2566 ที่จะนำพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ให้ได้ 30% ลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ 10% และลดการใช้น้ำ 10% เพิ่มการจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสัดส่วน 20% ของสินค้าทั้งหมด และเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการปลูกป่าอีก 5,000 ไร่