ก.ล.ต. สั่งตรวจสอบกรณีพิเศษ STARK ชี้แจงใน 7 วัน หลังผู้สอบบัญชีพบธุรกรรมผิดปกติ
ก.ล.ต. สั่ง บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) เร่งชี้แจงข้อเท็จจริง และรายงานความคืบหน้าภายใน 7 วัน กรณีไม่ส่งงบการเงินให้ทันเวลา หลังผู้สอบบัญชีพบธุรกรรมผิดปกติ พร้อมสั่งให้มีการตรวจสอบกรณีพิเศษ สรุปผลภายใน 30 วัน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งการให้บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชื่อหลักทรัพย์ STARK ชี้แจงข้อเท็จจริงและความคืบหน้าในการดำเนินการต่าง ๆ รวมทั้งจัดให้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับการขาย ลูกหนี้ รายการบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้อง และการรับโอนเงินของกลุ่มบริษัท โดยให้นำส่งคำชี้แจงภายใน 7 วัน และนำส่งสรุปผลการตรวจสอบเพิ่มเติมภายใน 30 วัน พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก STARK ไม่สามารถจัดทำและส่งงบการเงินงวดประจำปี 2565 ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยต่อมา ก.ล.ต. พบข้อเท็จจริงว่า ผู้สอบบัญชีของ STARK ได้ตรวจพบการทำธุรกรรมที่อาจมีความผิดปกติ ซึ่ง STARK อยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ (special audit)
เสี่ยงถูกเพิกถอน ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์อ้างอิง STARK พิษบริษัทฯไม่ส่งงบ
ฟันแก๊งปั่นหุ้น 5 บริษัท ปรับ 24.4 ล้านบาท ห้ามซื้อขาย-นั่งบริหาร
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกรณีข้างต้นอาจทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของงบการเงินรวมของ STARK และอาจมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุน ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 58 (2) แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 สั่งการให้บริษัทชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องและความคืบหน้าของการดำเนินการต่าง ๆ ต่อ ก.ล.ต. ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ 17 พ.ย.2566
ขณะเดียวกันเนื่องจากขอบเขตการตรวจสอบ special audit ที่ผู้เชี่ยวชาญอยู่ระหว่างการตรวจสอบ อาจยังไม่เพียงพอที่จะสามารถสรุปผลกระทบต่อความถูกต้องของงบการเงินรวมของ STARK หรือการทำธุรกรรมที่อาจไม่เหมาะสมได้ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 58 (3) แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน สั่งการให้ STARK ขยายขอบเขตการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เพิ่มเติม
โดยทีมผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ special audit หรือให้ผู้สอบบัญชีรายอื่นที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีหนึ่งในสำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ ยกเว้นสำนักงานสอบบัญชีที่เคยเป็นผู้สอบบัญชีของ STARK ในปี 2564 และให้นำส่งรายงานผลการตรวจสอบต่อ ก.ล.ต. ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ 17 พ.ย. 2566
ทั้งนี้ การนำส่งคำชี้แจงข้อเท็จจริงและผลตรวจสอบเพิ่มเติมต่อ ก.ล.ต. ตามที่กล่าวข้างต้น ให้ดำเนินการพร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย
เกิดอะไรขึ้นกับ STARK ตั้งแต่ต้นปี 2566
STARK ถูกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สั่งขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามการซื้อขายหุ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2566 ที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2566 ตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนด โดยอ้างว่าข้อมูลบางส่วนอยู่ระหว่างการดำเนินการของบริษัท และการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี พร้อมแจ้งเลื่อนส่งงบการเงินถึง 3 ครั้ง
ขณะที่บอร์ดบริหารเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา เริ่มจากนายมงคล ตั้งใจพิทักษ์ ลาออกกระทันหันจากตำแหน่างประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ด้วยเหตุผลส่วนตัว หลังจากนั้น STARK ได้แจ้งเปลี่ยน CEO ใหม่อีกครั้ง พร้อมกับ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และรักษาการเลขานุการบริษัท ต่อมาได้มีกรรมการในบริษัทได้ทยอยแจ้งขอลาออกจากตำแหน่งอีก 10 คน
ทั้งนี้งบการเงิน 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,216.47 ล้านบาท มีรายได้ 21,877.25 ล้านบาท ขณะที่มีสินทรัพย์เท่ากับ 47,096.41 ล้านบาท มีหนี้สิน 38,362.30 ล้านบาท ส่วนเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เหลืออยู่ 453.48 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม STARK ชี้แจงเมื่อ 28 เม.ย. 2566 ถึงแผนการจัดทำและนำส่งงบการเงินประจปี 2565 ระบุว่า ผู้สอบบัญชีของบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลทางการเงินของบริษัทที่ครบถ้วนและเหมาะสม บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยบริษัทจะติดตามและประสานงานกับผู้สอบบัญชี เพื่อทำรายงานตวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ และทำงบการเงินประจำปี 2565 ของบริษัทให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งให้สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในช่วง พ.ค.-มิ.ย. 2566
ขณะที่หุ้น STARK ราคา ณ วันที่ 28 ก.พ. 2566 อยู่ที่ 2.38 บาทต่อหุ้น ซึ่งมูลค่าปรับลดลงมาจากราคา 5 บาทต่อหุ้น หรือ 55% นับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 ก่อนจะถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP หยุดพักการซื้อขายหุ้น เนื่องจากยังไม่ส่งงบการเงินประจำปี 2565