DELTA กำไรพุ่ง 32.1% ไตรมาส 3 โกย 5,429 ล้านบาท
“เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)” ประกาศงบไตรมาส 3 กำไร 5,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% เหตุยอดขายเพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์เติบโตจากกลุ่มโซลูชันรถยนต์อีวี
“DELTA” แตกพาร์เหลือ 0.10 บาท กำไรปี 65 พุ่ง 1.5 หมื่นล้าน
“DELTA” มูลค่าบริษัททะลุ 1.16 ล้านล้านบาท แซงหน้า AOT - PTT
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2566 โดยบริษัทฯและบริษัทย่อยรายได้จากการขายรวม 40,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 5,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีกำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ เท่ากับ 9,145ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากช่งวเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายพร้อมการบริหารต้นทุนการผลิตของกลุ่มโซลูชั่นสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นภายใต้กลุ่มธุรกิจพาวเวอร์อิเล็คทรอนิกส์และกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
ทั้งนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์มีการเติบโตสูงกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า จากกลุ่มโซลูชันยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ขยายตัวสูงกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า รวมถึงผลิตภัณฑ์ดีซี เพาเวอร์ (DC Power) และเพาเวอร์ซัพพลายสำหรับระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย และศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Cente) มียอดขายเติบโตในระดับปานกลาง
ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน ปรับตัวลดลงจากปีก่อน จากความต้องการที่อ่อนตัวในตลาดยุโรป
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ เท่ากับ 4,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% จากปีก่อนหน้า ตามการเติบโตของรายได้ และกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนาที่มากขึ้น
ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 109,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากสิ้นปี 65 และหนี้สินรวม 44,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.% จากสิ้นปี 65
นอกจากนี้บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 8,633 ล้านบาท ลดลง 14.7% จากสิ้นปี 65 เนื่องจาการจ่ายเวินปันผลระหว่างงวด
หุ้น DELTA ปิดตลาดเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 66 ราคาอยู่ที่ 76.25 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.54% จากวันก่อนหน้า และอยู่ในโซนใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน
ก่อนหน้านี้ บล.หยวนต้า คาดการณ์ DELTA ไตรมาส 3/66 กำไรปกติจะอยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เติบโต 21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักรายได้อยู่ที่ 3.77 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ คาดการณ์ ไตรมาส 4/66 ยอดขายอาจชะลอตัวลงบ้าง หรือหากทำได้ดีอาจจะทรงตัวในรายไตรมาส (QoQ) ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะได้แรงส่งจากค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรรัฐ ที่อ่อนค่าในระยะสั้นทำให้ผลประกอบการยังยืนระดับสูงใกล้เคียงระดับไตรมาส 3/66
อ่านรายละเอียดฉบับเต็มได้ที่ : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2566