SCC ปี 66 กำไร 25,915 ล้านบาท พุ่ง 21% แจกปันผล 3.5 บาท/หุ้น
“ปูนซิเมนต์ไทย” หรือ SCC ประกาศงบปี 66 กำไร 25,915 ล้านบาท เติบโต 21% จากรายการพิเศษ สวนทางรายได้ที่ลดลง และไตรมาส 4 พลิกขาดทุน ล่าสุดเตรียมจ่ายปันผลงวดสุดท้าย 3.5 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 04 เม.ย. 2567
SCGP ปี 66 กำไรลด 10% เหลือ 5,248 ล้านบาท เลื่อนสร้างโรงงานเวียดนาม ดีมานด์จีนหาย
SCB ปี 66 กำไร 43,521 ล้านบาท พุ่ง 15.9% จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่ม
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) ชื่อหลักงทรัพย์ SCC รายงานผลดำเนินงานประจำปี 2566 ของบริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย 499,646 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อนหน้า แต่มีกำไรรวมสุทธิ 25,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า สาเหตุจากรายการพิเศษ ซึ่งเป็นกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก 14,822 ล้านบาท
ทั้งนี้เฉพาะไตรมาส 4 ปี 66 มีผลขาดทุนสุทธิ 1,134 ล้านบาท และเป็นการพลิกขาดทุนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยจากรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในเมียนมา

โดยในปี 66 ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้จากการขาย 189,348 ล้านบาท ลดลง 7% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics และได้รับผลกระทบจากตลาดในภูมิภาคอาเซียน
ด้านธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) มีรายได้จากการขาย 191,482 ล้านบาท ลดลง 19% จากปีก่อนหน้า สาเหตุจากราคาสินค้าปรับลดลง
ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทรวม 8,419 ล้านบาท ลดลง 21% แบ่งเป็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจเคมิคอลส์คิดเป็นสัดส่วน 43% ที่ 3,592 ล้านบาท ลดลง 1,336 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมธุรกิจอื่นคิดเป็นสัดส่วน 57% ที่ 4,827 ล้านบาท ลดลง 948 ล้านบาท
ส่วนเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร เท่ากับ 68,064 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 65 ซึ่งอยู่ที่ 95,402 ล้านบาท จากการจ่ายคืนเงินกู้บางส่วน
โดยบริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายที่เหลือของปี 66 ในอัตรา 3.5 บาทต่อหุ้น จำนวน 4,200 ล้านบาท กำหนดวันที่ได้รับสิทธิ (ขึ้นเครื่องหมาย XD) วันที่ 04 เม.ย. 2567 และจ่ายวันที่ 23 เม.ย. 67
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งนายศักดิ์ ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป
ราคาหุ้นตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้ว
ด้าน บล.เอเชียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์เชื่อว่า SCC ได้ผ่านจุดต่ำสุดของธุรกิจไปแล้วในปี 2566 และมีศักยภาพทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนขยายกำลังการผลิตตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการ Long Son Petrochemical Complex (LSP) ที่หมดความเสี่ยงเรื่องการก่อสร้างไปแล้ว และได้ผ่านการรีไฟแนนซ์ (Refinance) ลดต้นทุนดอกเบี้ยลงได้กว่า 1,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเห็นผลในปี 2567 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ทิศทางการบริหารงานของ SCC ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยมีการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และกระจายอำนาจการตัดสินใจไปสู่หน่วยธุรกิจต่าง ๆ ที่มีปัจจัยทางธุรกิจแตกต่างกัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับ SCC ได้มากขึ้นกว่าการบริหารงานแบบรวมศูนย์

ฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2567 ของ SCC จะปรับตัวลดลง 4% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 24,930 ล้านบาท เนื่องจากปี 2566 SCC มีการบันทึกกำไรพิเศษจากการประเมินมูลค่าเงินลงทุนหลายรายการ โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงกว่า 13% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา น่าจะเป็นการตอบรับปัจจัยลบเกี่ยวกับผลประกอบการขาดทุนในไตรมาส 4 ปี 66 ไปมากแล้ว
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่านักลงทุนน่าจะให้ความสำคัญต่อแนวโน้มธุรกิจในปี 2567 ที่เริ่มดูมีความหวังมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมีที่อยู่ในช่วงปลายของวัฏจักรขาลง ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน จึงปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก Underperform เป็น Neutral ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี Discount Cash Flow (DCF) จะให้ราคาเหมาะสมที่ 330 บาท เทียบเท่า PER 15.88 เท่า ใกล้เคียงกับมูลค่าตามบัญชี ณ สิ้นปี 2567 ที่คาดการณ์ไว้ที่ 316 บาท
อ่านฉบับเต็มได้ที่ : หนังสือชี้แจงผลการดำเนินงานประจำปี 2566
วิเคราะห์บอล! เอเชียน คัพ 2023 ซาอุฯ พบ ทีมชาติไทย 25 ม.ค.67
พยากรณ์อากาศล่วงหน้าช่วง 27 ม.ค.-2 ก.พ. ฝนฟ้าคะนอง อุณหภูมิสูงขึ้น
ฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 ได้ 14 ทีม เข้ารอบน็อคเอาท์