ส่องแนวโน้มหุ้น-ค่าเงินสัปดาห์หน้า พร้อมเปิดปัจจัยสำคัญ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์แนวโน้มหุ้นไทยและค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (3-7 มิ.ย.2567)
เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง หากย้อนดู ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ตามแรงขายสุทธิต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากยังคงรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด ก่อนจะร่วงลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาคจากความกังวลว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบจากแรงขายเพื่อปรับลดความเสี่ยงก่อนมี MSCI rebalance ในช่วงสิ้นเดือน และจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงขายหุ้นบิ๊กแคปในหลายอุตสาหกรรม นำโดยอสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง เทคโนโลยี และค้าปลีก ดัชนีหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์
นำโดย หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ พลังงานและอสังหาริมทรัพย์ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติยังคงมีสถานะขายสุทธิต่อเนื่องในสัปดาห์นี้
ในวันศุกร์ที่ 31พ.ค.2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ1,345.66 จุดลดลง 1.38% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อนขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,273.63ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12.45%จากสัปดาห์ก่อนส่วนดัชนี mai ลดลง 0.56% มาปิดที่ระดับ 379.92 จุด
แนวโน้มสัปดาห์ถัดไป (3-7มิ.ย.)
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,335 และ1,320 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่1,355 และ1,370 จุด ตามลำดับ
ซึ่งมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
- ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค.ของไทย
- ทิศทางเงินทุนต่างชาติส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ สำคัญได้แก่ตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือน เม.ย. ดัชนี PMI และ ISM ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานเดือนพ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส1/2567 ของยูโรโซน ดัชนี PMI เดือนพ.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่น และจีน ตลอดจนตัวเลขนำเข้าและส่งออกเดือน พ.ค.ของจีน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 36.98บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ฟื้นตัวกลับมาบางส่วนหลังแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ

ความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 36.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ แต่ฟื้นตัวกลับมาบางส่วนหลังแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดเงินบาทปรับตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆมากระตุ้น อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่าในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยมีปัจจัยลบจากสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของต่างชาติในช่วงกลางสัปดาห์ การย่อตัวลงของราคาทองค าในตลาดโลกและการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียบางส่วน
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯหลังถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหนุนมุมมองของตลาดว่า เฟดอาจยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ดี แรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วนหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดอาทิ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 และข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ประกอบกับน่าจะมีแรงขายเพื่อปรับโพสิชันก่อนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่คำนวณจาก PCE/Core Price Indices
ในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค. 2567 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 36.78 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ36.69 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24พ.ค. 67) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 27-31พ.ค.2567 นั้นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทย 11,765ล้านบาท และ 1,494 ล้านบาทตามลำดับ
สัปดาห์ถัดไป (3-7 มิ.ย.)
ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ36.50-37.20บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่อัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติสถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลกและผลการประชุม ECB
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตและบริการตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือน พ.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือน เม.ย.รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้
ตลาดอาจรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน พ.ค. ของญี่ปุ่นจีนยูโรโซนและอังกฤษตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน