ตลาดหุ้นวันนี้กรอบบนยังถูกจำกัด มีโอกาสฟื้นตัวหากปัจจัยการเมืองชัดเจน
InnovestX วิเคราะห์ตลาดหุ้นวันนี้ (13 ส.ค. 67) กรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1305-1310 จุด นักลงทุนรอติดตามคำวินิจฉัยคดีนายกฯ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) วิเคราะห์ตลาดหุ้นวันนี้ (13 ส.ค. 67) คาด SET กรอบบนยังถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1305 และ 1310 จุดตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามคำวินิจฉัยคดีนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในคืนพรุ่งนี้เช่นเดียวกัน เพื่อหาสัญญาณการลดดอกเบี้ยของเฟด ด้านแนวรับอยู่ที่ 1290 และ 1280 จุดตามลำดับ

ช่วงสั้นมอง SET ยังผันผวน ระหว่างรอความชัดเจนปัจจัยการเมืองในประเทศจากศาล รธน.เตรียมตัดสินคดีคุณสมบัติของนายกฯ ในวันที่ 14 ส.ค. และการเข้าสู่โค้งสุดท้ายการประกาศงบ 2Q67 ของ บจ.ไทยกลุ่ม Real Sector ขณะที่ปัจจัยภายนอก อาทิ ตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ค. ของสหรัฐที่คาดจะลดลง และการผลิตภาคอุตสาหกรรม ก.ค. ของจีนที่อ่อนแอ มองว่าสะท้อนความเสี่ยงไปแล้วในระดับหนึ่งจากการปรับฐานในช่วงที่ผ่านมา
SET มีโอกาสฟื้นตัวหากปัจจัยการเมืองชัดเจนขึ้น (มองกรณีไม่ขาดคุณสมบัตินายกฯ คาด SET ฟื้นกลับไป 1330 จุด แต่หากขาดคุณสมบัติคาด SET มีโอกาสลงไปทดสอบ 1250 จุด) และคาดจะเริ่มเห็น Fund Flow ไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น ซึ่งไทยมีแนวโน้มจะได้รับกระแสเงินนี้ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”
“โซดาไฟ” รู้จักพิษผิวไหม้-เสี่ยงตาบอดและวิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“วันสารทจีน” ควรไหว้อะไรบ้าง กับข้อห้ามที่ไม่ควรปฏิบัติ
เตรียมเก็บภาษี แอปฯ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน หลังกระทบรายย่อยไทย

PTTEP : ราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.27 หมื่นล้านบาท เติบโต 5%YoY ทั้งนี้มองเป็นโอกาสซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หลังเช้าวันนี้จะมีการขึ้น XD เพื่อรับเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลที่ 4.50 บาทต่อหุ้น
CPALL : 2Q67 คาดกำไรสุทธิ 5.8 พันล้านบาท เติบโต 31%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ด้วยแรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น รวมทั้งมีส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT ส่วนแนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY โดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มฯ เช่นกัน ซึ่งเกิดจากการเติบโตที่แข็งแกร่งทั้งจากธุรกิจ CVS และ CPAXT
ประเด็นสำคัญ
- จีนเผย CPI ก.ค. ขยายตัว 0.5%YoY สูงกว่าตลาดคาดและถือเป็นการปรับตัวขึ้นแรงที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. 67 หนุนจากราคาเนื้อหมูที่ปรับขึ้น 20.4%YoY ส่วน PPI หดตัว -0.8%YoY ต่ำกว่าตลาดคาด ตามราคาวัสดุก่อสร้างที่ลดลง
- จับตาบ่ายวันนี้รัฐบาลเตรียมแถลงระดมทุนกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง โดยเดินหน้าเสนอขายหน่วยลงทุนประเภท ก. เพื่อเป็นกลไกเสริมสร้างการออมและการลงทุนให้กับประชาชนในประเทศ ตลอดจนส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ
- รมช.คลัง เผยเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ หรือ NaCGA ภายในเดือนนี้ เพื่อหนุนรายย่อยและ SME ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- รมว.คลังลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายและยกร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินและจะเริ่มประชุมครั้งแรกใน ส.ค.นี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเงินของไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับภูมิภาคหวังดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ
- กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐกำลังส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมไปยังตะวันออกกลาง เพื่อเพิ่มทรัพยากรในการปกป้องอิสราเอล ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคที่ทวีความรุนแรงขึ้น
- OPEC คาดปี 67 อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 135,000 บาร์เรลต่อวัน จากประมาณการใน ก.ค. และปี 68 คาดอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากประมาณการใน ก.ค. ที่คาดจะเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- คลังเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรระหว่างวันที่ 2-18 ส.ค. นี้ เบื้องต้นผู้ประกอบการที่มีทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท ยื่นขอใบอนุญาตอายุ 30 ปีและต่ออายุทุก 10 ปี

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET จะผันผวนระหว่างรอความชัดเจนการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ตามยังคงคาดหวังตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสได้รับกระแสเงินจาก Fund Flow ที่เริ่มไหลเข้าสู่ตลาด EM มากขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 4 ธีม ดังนี้
- หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดย 3Q67 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วน 2H67 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF KCE TU BTG BDMS TRUE BEM
- นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต แนะนำหุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น เลือก BCP TU OSP ซึ่งคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H67 โดยให้ Div. Yield 2%
- หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาทและลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT CPALL BDMS BBL KTB GULF
- ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP