ส่องความเห็นบลจ. ทิศทางหุ้นไทยยุค ‘นายกฯอิ๊งค์’ ทะลุ 1,500 จุด?
หุ้นไทยจะไปยังไงต่อ ปีนี้มีโอกาสแตะ 1,500 จุด ภายใต้ปัจจัยสนับสนุนและเงื่อนไขอะไรบ้าง Money Trick พามาเปิดมุมมองบลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย)
หากนับตั้งแต่ที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ เมื่อกลางเดือนส.ค. หุ้นไทยดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุด จาก 1,200 ปลาย ๆ มาอยู่เหนือ 1,400 จุด บรรดานักวิเคราะห์ นักลงทุน บอกว่าความชัดเจนทางการเมืองมีผลอย่างมากที่ทำให้หุ้นไทยฟื้นตัวขึ้น
มีผลค่อนข้างมาก ถ้าเราเห็นตอนที่ตลาดหุ้นตกลงไปต่ำกว่า 1,300 จุด ตอนนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลค่อนข้างสั่นคลอน เราจะมีนายกฯ เมื่อไร แต่ปรากฏว่าการหานายกฯ การตั้งครม.มาเร็วกว่าคาด ทำให้เสถียรภาพการเมืองมีความชัดเจนขึ้น และมีความหวังเรื่องนโยบายใหม่ ๆ ที่จะออกมาได้เร็วกว่าที่คาด
โบรกแนะหุ้นท่องเที่ยว ลิซ่า ทำถึง! ททท. ดึง ลาบูบู้-หมีเนย เสริมทัพ
นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) ยังกล่าวว่า ปีนี้หุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และยังปรับประมาณการ SET Index ปีนี้มีโอกาสขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,500 จุด จากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1,360-1,450 จุด จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงกองทุนวายุภักษ์ที่จะเข้ามาช่วยเรียกความเชื่อมั่นในตลาด
จริง ๆ เรามองว่าตลาดน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะว่าถ้ามองไปข้างหน้าปัจจัยแรกคือพื้นฐานเศรษฐกิจบ้านเรา เราน่าจะเห็นการเติบโตที่เป็น sequential improvement ในช่วงที่เหลือของปี เรามองจีดีพีปีนี้โต 2.7% อันนี้ยังไม่รวมมาตรการกระตุ้น พวกดิจิทัลวอลเล็ต การแปลงโฉมต่าง ๆ ของรัฐบาล และเรามองว่าในส่วนของกำไรบริษัทจดทะเบียนก็น่าจะเติบโตช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกเช่นเดียวกัน
โดยที่ยังมี upside risk ในแง่ของนโยบายของรัฐบาลที่จะออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังมี fund flow ที่มาจากกองทุนวายุภักษ์ ที่รัฐบาลต้องการที่จะช่วยเรียกความมั่นใจของตลาดด้วย ซึ่งเม็ดเงินค่อนข้างใหญ่ 100,000-150,000 ล้านบาท เชื่อว่าถ้ามีความมั่นใจตรงนี้กลับมา เศรษฐกิจมีความชัดเจนมากขึ้น ก็เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ fund flow ไหลเข้าต่อเนื่องได้
นางสาวดรุณรัตน์ ยังมองว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้าหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นไปถึง 1,530 จุด แต่ทั้งนี้ ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญคือเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาล รวมไปถึงความมั่นคงของตัวนายกรัฐมนตรีด้วย โดยให้แนวรับสำคัญไว้เท่ากับจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,270 จุด
สิ่งหนึ่งที่อาจจะเป็นความเสี่ยงคือเรื่องความมั่นคงของครม. ความมั่นคงของรัฐบาล โดยเฉพาะความมั่นคงของตัวนายกฯ ด้วย อันนี้น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญหลัก ๆ เพราะสิ่งที่เราเห็นในอดีตเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มันก็เป็นเรื่องนี้หลัก ๆ ที่เป็นตัวกดดัน
โดยหุ้นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตได้ดี คือ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคใช้จ่ายภายในประเทศ อย่างเช่น กลุ่ม Commerce, Retail หรือ Consumer finance ซึ่งได้รับอานิสงส์จากดิจิทัลวอลเล็ต ที่ถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล
นโยบายของรัฐบาลตอนนี้ให้ความสำคัญมากเรื่องของการแจกเงิน เฟสแรกประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้พิการ เกือบ 15 ล้านคน เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าหุ้นกลุ่มที่เชื่อมโยงกับกลุ่มนี้ก็น่าจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ และกลุ่มที่เป็นการบริโภคใช้จ่ายภายในประเทศ น่าจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ เช่น กลุ่ม Commerce, Retail, Consumer finance ที่เราเห็น
BTC
ETH
DOGE
ADA
BNB
KUB