ทิศทางหุ้นวันนี้ ระวัง! “sell on fact” หลังเฟดลดดอกเบี้ย
InnovestX มองทิศทางหุ้นวันนี้ (19 ก.ย. 67) ช่วงสั้นอยู่ในช่วงพักตัว กรอบบนถูกจำกัด ระวังอาจเกิด “sell on fact” หลังเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) วิเคราะห์ตลาดหุ้นวันนี้ (19 ก.ย. 67) ผลประชุมเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% และจะลดอีก 0.25% จำนวน 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี ไม่ต่างจากที่ตลาดคาดไว้นัก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐและทองคำปรับขึ้นช่วงสั้น หลังจากนั้นโดนแรงขาย ส่วนดัชนีดอลลาร์เด้งกลับเร็ว ทำให้คาด SET มีโอกาสเผชิญ sell on fact โดยมีแนวรับที่ 1420 และ 1410 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1445-1450 จุด

ตรวจสอบสิทธิกลุ่มเปราะบาง-ผู้พิการ รับเงิน 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต
แม่เมย์แจ้งข่าวเศร้า สูญเสียน้องเอวา หลังยุติรักษามะเร็งระยะสุดท้าย
ระเบิดวอล์กกี้ทอล์กกี้ถล่มซ้ำเลบานอน เสียชีวิต 20 ราย
ช่วงสั้นมอง SET ยังอยู่ในช่วงของการพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุนจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นได้ อย่างไรก็ตามต้องจับตาความแตกต่างด้านการดำเนินนโยบายของ BoJ ซึ่งอาจส่งผลต่อ Yen Carry Trade ที่อาจกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ท่ามกลางกระแสเงินในตลาด EM ที่ไม่ชัดเจน
ส่วนตลาดหุ้นไทยมองจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าในกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มค้าปลีก กลุ่มการแพทย์ กลุ่มโรงไฟฟ้า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

CPALL : กำไร 2H67 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดย 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)
MINT : มองโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่ง โดย 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ส่วน 2H67 คาดกำไรปกติจะเติบโตทั้ง YoY และ HoH จากธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่งในยุโรปจากการเพิ่มขึ้นของ ARR ขณะที่ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามภาพตลาดหุ้นไทย แต่ยังลดลง 3.4%YTD ส่งผลให้ valuation ยังถูก (PBV -2SD)

ประเด็นสำคัญ
- นายกฯ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว คาดเริ่มประชุมนัดแรกในสัปดาห์หน้า เพื่อขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
- ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ส.ค. อยู่ที่ 87.7 ลดลงจาก ก.ค. อยู่ที่ 89.3 จากกังวลน้ำท่วม อุปสงค์ในประเทศชะลอ การปฏิเสธสินเชื่อกลุ่มรถยนต์ เร่งภาครัฐออกมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจ และแผนเยียวยาผลกระทบน้ำท่วม เสนอใช้มาตรการภาษี
- นายกฯ เรียกผู้ว่า ททท. หารือแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวปี 2568 ย้ำเม็ดเงินต้องกระจายลงทุกพื้นที่ ด้านผู้ว่าฯ ททท.เตรียมเสนอแผนท่องเที่ยวใน 1-2 สัปดาห์นี้ พร้อมหนุนหากรื้อโครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง
- รมว.คลังเผยจะนัดพบ ธปท. หารือถึงการกำหนดกรอบบริหารอัตราเงินเฟ้อปี 2568 ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1-3% ซึ่งมองว่าอยู่ในระดับต่ำมานานถึงเวลาควรที่จะปรับขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากขึ้น
- เฟดมีมติปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้น 50bps สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี โดยตลาดมองอาจสะท้อนว่าเฟดกังวลภาวะเศรษฐกิจและการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ส่วน Dot Plot ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยอีก 50bps ในสิ้นปีนี้
- สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าตลาดคาดที่ 0.2 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันดิบในเมืองคูชิง โอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
- ประธานเฟดแถลงหลังการประชุมว่าการที่เฟดปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงถือเป็นการปรับจุดยืนด้านนโยบายการเงิน และระบุว่าเฟดจะตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเป็นครั้ง ๆ ไป

ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET อยู่ในช่วงพักตัวและมี Upside จำกัด แต่อาจมีปัจจัยหนุจากความคาดหวังการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะช่วยหนุนบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ใน 3 ธีม ดังนี้
- นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งเทคนิคมีสัญญาณกลับตัว และ Valuation ยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER และ PBV ต่ำกว่า -1SD แนะนำ AP GPSC MTC AMATA
- นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL CPAXT) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)
- หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี โดยให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูงตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO