ตลาดหุ้นวันนี้ Sentiment ลบ แต่ลุ้นฟื้นตัวจากแนวรับ
InnovestX มองตลาดหุ้นวันนี้ Sentiment ลบ แต่ลุ้นฟื้นตัวจากแนวรับ ปัจจัยในประเทศค่อนข้างจำกัด ติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าสหรัฐ
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) วิเคราะห์ตลาดหุ้นวันนี้ (13 ธ.ค. 67) คาด SET ได้รับ Sentiment ลบ หลังดัชนี PPI สหรัฐออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนสำหรับการพิจารณาลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้าวันที่ 17-18 ธ.ค. เป็นปัจจัยกดดันดัชนี อย่างไรก็ตามให้ติดตามแนวรับบริเวณ 1430-1435 จุดเป็นจุดลุ้นฟื้นตัว ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1450 และ 1460 จุดตามลำดับ

ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มทรงตัว ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB คาดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
รอบนี้หนาวนาน! อุตุฯเตือนอากาศหนาว 17 -27 ธ.ค. ภาคใต้ฝนตกหนัก!
วันหยุดปีใหม่ 2568 เพิ่มวันหยุดพิเศษ วางแผนหยุดยาว 5 วันรวด
ข้อแตกต่าง ยาพาราเซตามอล และ ยาไอบูโพรเฟน แก้ปวดเหมือนกันแต่ใช้ต่างกัน!

Daily top picks
ADVANC : มองเป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนต่าง ๆ ในช่วงปลายปีและยังได้ประโยชน์จากการควบรมกิจการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น YoY แรงหนุนจากการแข่งขันทางด้านราคาที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้ง Valuation ในแง่ EV/EBITDA ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับภูมิภาค
CPAXT : 4Q67 คาดกำไรเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรเติบโต 24.6%YoY และจะเติบโตต่อดีที่สุดในกลุ่ม 19%YoY ในปี 2568 (เทียบกับกลุ่มเติบโตเฉลี่ย 15%YoY) ทั้งนี้หลังควบรวมกิจการคาด Synergy จะเริ่มมีให้เห็นใน 4Q67 และชัดเจนมากขึ้นในปี 2568-2570

ประเด็นสำคัญ
- S&P คงเครดิตประเทศไทยที่ BBB+ หลังประเมิน เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง คงมุมมองความน่าเชื่อถือของเสถียรภาพ ลุ้นเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือเป็น A- หากการเมืองมีเสถียรภาพและดำเนินนโยบายต่อเนื่อง
- ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.2567 ที่ 56.9 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง
- ITIF เผยไทยเสี่ยงสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองเม็กซิโกและเป็นชาติเอเชียเพียงรายเดียวที่ติด TOP10 ในรายงาน "Trump Risk Index" ประเมินความเสี่ยง 39 พันธมิตรของสหรัฐฯ ทั่วโลกในยุคทรัมป์ 2.0 โดยมีความเสี่ยงสูงสุดในเรื่องการค้าและการใช้จ่ายทางกลาโหมที่น้อยเกินไป
- IEA ระบุตลาดจะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกิน 9.5 แสนบาร์เรล/วันในปี 2568 หรือราว 1% ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก และคาดจะเกินดุลเพิ่มขึ้นสู่ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน หาก OPEC+ เริ่มเพิ่มกำลังผลิตในเดือน เม.ย. 2568
- ที่ประชุมนโยบายการเงิน ECB มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps ทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากเหลือ 3.0% เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อหลังเผยว่ากระบวนการลดเงินเฟ้อคงดำเนินไปได้ด้วยดี
- วานนี้นายกฯ ได้แถลงผลงานรัฐบาลในช่วง 3 เดือน และมอบหมายรมว. พลังงานแก้ไขปัญหาราคาพลังงานโดยการลดการผูกขาดและผลักดันการออกกฎหมายตามแนวทางรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง
- ที่ประชุมบอร์ดไตรภาคียังไม่ได้ข้อสรุปขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศในการประชุมวานนี้ หลังได้รับข้อมูลจำนวนมาก โดยจะมีการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 23 ธ.ค. นี้
ล็อกเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวน โดยปัจจัยในประเทศยังค่อนข้างจำกัด ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลักที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และ 1 ธีมเทรดดิ้งระยะสั้น ดังนี้
- หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคและท่องเที่ยว แนะนำ กลุ่มพาณิชย์ CPALL CPAXT CRC HMPRO TNP และกลุ่มท่องเที่ยว AWC AOT MINT
- หุ้น Earnings Play ซึ่งมองมีโมเมนตัมกำไร 4Q67 จะเติบโตดี YoY และ QoQ อีกทั้งเราแนะนำ Outperform เลือก GULF OSP AMATA AU TIDLOR BCP
- หุ้นที่จ่ายปันผลสูงและคาดได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนวายุภักษ์และกองทุนที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีช่วงปลายปี อาทิ SSF RMF และ THAIESG แนะนำหุ้น SET100 ที่คาดให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% และมี ESG Rating สูงตั้งแต่ระดับ AA-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว อีกทั้งมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก BBL ADVANC HMPRO
- Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเก็งกำไรหุ้นที่ Laggard ซึ่งมีเทคนิคมีแนวโน้มฟื้นตัว อาทิ BEM BDMS MINT AP/หุ้นที่คาดมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 ในงวด 1H68 อาทิ BANPU, CCET, COM7/หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมใต้ แนะนำ HMPRO CPALL และ TASCO ขณะที่ระมัดระวังการลงทุนสำหรับหุ้นกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่โมเมนตัมกำไร 4Q67 ยังอ่อนแอ