ราคาทองวันนี้ (14 ม.ค.2568) ปิดการซื้อขาย ลง 300 บาท เทียบกับวันก่อนหน้า

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทอง วันอังคารที่ 14 ม.ค. 2568 ปิดการซื้อขาย ลง 300 บาท เทียบกับวันก่อนหน้า ตลอดวันปรับราคา 3 รอบ

• ทองคำแท่ง รับซื้อคืน  43,750.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 43,850.00  บาท/บาททองคำ
• ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 42,963.44 บาท/บาททองคำ และขายออก 44,350.00 บาท/บาท
• ทอง 1 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 11,463 บาท
• ทอง 2 สลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 22,425  บาท
• ทองครึ่งสลึง ราคารวมค่ากำเหน็จ อยู่ที่ 5,981  บาท

 

ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 2,668.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 34.72  บาท/ดอลลาร์

ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย เงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยหนุนราคาทองคำ หลังจากก่อนหน้านี้เงินดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเฟดที่อาจชะลอการปรับลดดอกเบี้ย นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยงเพียง 1 ครั้งปีนี้ รวมถึงนโยบายทรัมป์ 2.0 การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า อาจกระตุ้นให้เกิดความต้องการดอลลาร์ในประเทศ ส่งผลต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ทีมเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังหารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ถึง 5% ต่อเดือน  ดอลลาร์จึงกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.  ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หรือเพิ่มขึ้น 3.0% จากเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี

วิเคราะห์ราคาทอง
คาดว่าราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามระวังแรงเทขายบริเวณ 2,680 ดอลลาร์ ทั้งนี้ให้ชะลอการเข้าซื้อ และอาจขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น เนื่องจากเริ่มเกิดเส้นตัดกันระหว่างเส้น SMA20 กับเส้น SMA50

ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,655 และ 2,640 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,680 และ 2,700 ดอลลาร์

หากมีการฟื้นตัวขึ้น ให้ขายทำกำไรบางส่วน การเข้าซื้อรอบใหม่สำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำเข้าซื้อบริเวณ 2,655 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,640 ดอลลาร์

ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 43,800 และ 43,700 บาท
แนวต้าน : 44,000 และ 44,100 บาท

แนวโน้มราคาทองคำแท่งอาจปรับตัวลงระยะสั้น จึงยังคงระวังแรงเทขาย หากเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำขายทำกำไรออกมาบางส่วน และรอเข้าซื้อรอบใหม่บริเวณ 43,000-43,100 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นแนวรับแข็งแกร่งระยะสั้น