"ก.ล.ต." เตรียมเปิดข้อมูล "จำนำหุ้น" พร้อมสรุปหลักเกณฑ์ภายในไตรมาส 1
"ก.ล.ต." เตรียมเปิดข้อมูล "จำนำหุ้น" คาด! สรุปหลักเกณฑ์ชัด ภายใน ไตรมาส 1 ปี 68
จากกรณีกรณีที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีการนำหุ้นไปจำนำและถูกบังคับขาย (Forced sell) จนมีผลกระทบต่อราคาหุ้น ส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยเกิดความเสียหาย นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้เปิดเผยว่า ก.ล.ต. มองว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องได้รับการป้องกัน และแก้ไขอย่างเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบัน ก.ล.ต. กำลังพิจารณาว่าจะมีมาตรการใด ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเปิดเผยข้อมูลได้บ้าง

โดยกำลังศึกษาว่าจะสามารถใช้ข้อกฏหมายใด ในการกำหนดกฏเกณฑ์ รวมถึงลักษณะธุรกรรมขนาดใดที่เหมาะสม โดยคาดว่าความชัดเจนของแนวทางจะออกมาภายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 แต่ในขั้นตอนของการบังคับใช้นั้นอาจจะต้องรอกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
จำนำหุ้นเป็นเรื่องน่ากังวล เพราะไม่ผิดกฎหมาย
สำหรับกรณีการจำนำหุ้น นายเอนก กล่าวว่า ยังคงเป็นกรณีที่น่ากังวล เพราะความยาก คือ การจำนำหุ้นไม่ผิดกฎหมาย และมีการทำลักษณะนี้ในบางประเทศ แต่กรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.จะเข้าไปตรวจสอบได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่สงสัยว่ามีการทำผิดตาม พรบ.หลักทรัพย์ เท่านั้น ถึงจะดำเนินการได้
ขณะที่บทลงโทษของการไม่รายงานเรื่องการจำนำหุ้น เบื้องต้นตามกฎหมายคาดว่าจะมีทั้งโทษปรับและโทษจำคุก และมีกฎหมายมาคุ้มครองพยานด้วย โดยสำนักงาน ก.ล.ต.กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาข้อกฎหมาย
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรูปแบบการกระทำความผิดจะมีความซับซ้อนมากขึ้น และในบริษัทใหญ่ๆหลายบริษัทเริ่มมีการใช้วิธีนี้ แต่ ก.ล.ต. ก็ยืนยันว่าไม่มีความกดดัน ถึงแม้บางครั้งจะเป็นเคสใหญ่ เช่นกรณีล่าสุด ที่ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะทุกเคส ก.ล.ต. ดำเนินการ อย่างตรงไปตรงมาตลอด
ในส่วนมาตรการการยกระดับการกำกับดูแลที่ได้บังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ มีแนวโน้มที่ ก.ล.ต. จะทบทวน และยกเลิกอย่างการใช้เกณฑ์ Uptick Rule สำหรับหุ้นที่ถูก Short Selling โดยนายเอนก ยอมรับว่าเกณฑ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งทำให้มูลค่าการซื้อขายของตลาดหายไป ซึ่งต้องดูรายละเอียด และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาอีกครั้ง ว่ายังเหมาะสมที่จะบังคับใช้มาตรการนี้อยู่หรือไม่ และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 เช่นกัน
ยอมรับข้อกำหนดเกณฑ์จำนำหุ้นยังไม่ชัดเจน
ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นภายในงาน Dinner Talk งานหนึ่งว่า หากมีการจำนำหุ้นเกินกว่า Trigger point ควรจะต้องมีการรายงานนั้น ก.ล.ต. มองว่า ความยากคือการกำหนดเกณฑ์อย่างเหมาะสม ว่า ควรกำหนดขนาดจำนำหุ้นเท่าไหร่ รวมไปถึงความถี่ในการรายงาน ว่าควรกำหนดที่เท่าไหร่ ถึงจำเป็นต้องรายงาน ทำให้ในปัจจุบันข้อสรุปในการกำหนดเกณฑ์ยังไม่มีความชัดเจนเนื่องจาก จะต้องมีการศึกษาข้อมูลต่างๆอย่างรอบคอบก่อนจะออกหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนต่อไป
ส่วนที่อดีตนายกทักษิณฯ กล่าวว่า ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินงานจัดการกับปัญหาล่าช้า ส่งผลให้อาจแก้ปัญหาไม่ทันการณ์ ในเรื่องนี้ตนเองมองว่า ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าบางอย่างเป็นการขับเคลื่อนที่อาจไม่ทันใจทุกฝ่าย แต่ ก.ล.ต. ก็ต้องมาพิจารณาดูว่า ในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่ล่าช้านั้น เกิดจากสาเหตุใด ซึ่งถ้าเป็นในส่วนของสำนักงานเอง ก.ล.ต. ก็มีหน้าที่ต้องปรับปรุง อย่างเช่น การบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากเคสแต่ละเคสมีรายละเอียดเยอะ และมีความซับซ้อน รวมถึงบางครั้งต้องมีการใช้ข้อมูลจากต่างประเทศด้วย ที่มีความยากง่ายรวมไปถึงขอบเขตที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องต้องใช้เวลาที่อาจทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง
โดยนายเอนก กล่าวทิ้งท้ายว่า "ที่ผ่านมาใครแนะนำอะไรมา ไม่ว่าจะหน่วยงานไหน ก.ล.ต. พร้อมรับฟัง และยินดีแก้ไข หากสิ่งนั้นเป็นประโยชน์"