“CHAGEE” แบรนด์ชาพรีเมียมจีน สวนวิกฤตสงครามการค้า นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งทำให้ตลาด IPO สหรัฐฯ หยุดชะงัก และเกิดความกังวลว่า บริษัทจีนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จะถูกขับไล่ออกมาหรือไม่ กลับมีบริษัทสัญชาติจีนแห่งหนึ่งที่สวนกระแส นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (Nasdaq)

เรากำลังพูดถึง “CHAGEE” (ชาจี) แบรนด์ชาพรีเมียมจากจีน ซึ่งเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชน (IPO) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยระดมทุนได้ 411 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.37 หมื่นล้านบาท) และโดยตั้งราคาอยู่ที่ระดับสูงสุดของช่วงราคา

นั่นทำให้ผู้ก่อตั้งและซีอีโออย่าง “จาง จวิ้นเจี๋ย” นักธุรกิจชาวจีนวัย 30 ปีกลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน โดยตามดัชนี Bloomberg Billionaires Index จางมีทรัพย์สินมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 หมื่นล้านบาท) จากหุ้นที่เขาถืออยู่ในบริษัทชาจี

ชาจีมีความแตกต่างจากแบรนด์ชาอื่น ๆ ตรงที่ไม่ได้เน้นน้ำตาลและไข่มุก แต่เน้นความเป็นชานมระดับพรีเมียม ทำจากนมโดยใช้ส่วนผสมแบบดั้งเดิมของจีน เช่น ชาเขียว ชาดำ และชาอู่หลง ขณะที่ร้านค้าของแบรนด์ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศเหมือนเลานจ์ ซึ่งทำให้หลายคนนึกถึงสตาร์บัคส์เวอร์ชันแดนตะวันออก

แบรนด์นี้เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพเริ่มหลีกเลี่ยงชาไข่มุกแคลอรีสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ

จางกล่าวในการประชุมเมื่อเดือน พ.ค. 2024 ว่า บริษัทมีเป้าหมายที่จะฟื้นคืนชีพ “วิธีการชงชาโบราณที่สืบทอดมายาวนานถึง 900 ปี” โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่

ตามข้อมูลจาก iResearch ประเมินว่า ตลาดเครื่องดื่มชาสดของจีน ซึ่งวัดจากมูลค่าสินค้ารวม คาดว่าจะสูงถึง 426,000 ล้านหยวน (ราว 1.94 ล้านล้านบาท) ในปี 2028 เพิ่มขึ้นจาก 273,000 ล้านหยวน (ราว 1.24 ล้านล้านบาท) ในปี 2023

ปัจจุบันชาจีมีเครือข่ายร้านค้ามากกว่า 6,440 แห่ง โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในจีน และมีสาขาในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย โดยร้านชาประมาณ 6,270 แห่งเป็นร้านแฟรนไชส์ ​​และ 169 แห่งเป็นของบริษัท

แต่การขยายตัวยังคงมีความท้าทาย โดยในมาเลเซีย ชาจีเผชิญกระแสเรียกร้องให้คว่ำบาตรจากผู้บริโภคในพื้นที่ หลังจากแอปฯ ของบริษัทแสดงภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททะเลจีนใต้

จางก่อตั้งชาจีขึ้นในปี 2017 ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยชื่อบริษัทมาจากละครงิ้วคลาสสิกของจีน โดยโลโก้ก็ใช้เป็นภาพงิ้วหญิง

 

เรียบเรียงจาก Bloomberg