“โกลเบล็ก” คัด 5 หุ้นเด่นติดโผกองทุน Thai ESGX เข้าลงทุน
“โกลเบล็ก” คัด 5 หุ้นเด่นติดโผกองทุน Thai ESGX เข้าลงทุน ด้านหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway ออกข้าง แนะจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังจับตาสัญญาณคลี่คลายความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ล่าสุด ทางรัฐบาลจีนกำลังพิจารณายกเว้นสินค้านำเข้าบางรายการของสหรัฐฯ จากการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 125% โดยคณะทำงานของกระทรวงพาณิชย์จีนกำลังขอให้บริษัทต่าง ๆ จัดทำรายการสินค้าที่อาจได้รับสิทธิ์ในการยกเว้นภาษี

ด้านปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังดำเนินการเจรจาการค้ากับจีน หลังจากจีนออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการเจรจาข้อตกลงใด ๆ พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการภาษีฝ่ายเดียวทั้งหมดที่ใช้กับสินค้าจีน
ส่วนไทยทาง รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้กำหนดเป้าหมายสินค้าไทย 50-60 รายการที่ต้องตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าอย่างเข้มงวด ป้องกันการสวมสิทธิส่งขายสหรัฐ ซึ่งสหรัฐให้ความสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาวหากมีการตรวจพบพบการวสิทธิ์จริง และทางด้านธนาคารโลก (World Bank) ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปี 2568 เหลือโต 1.6% ชะลอลงจากการประเมินครั้งก่อนว่าจะเติบโต 2.9% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งเฝ้าติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมา จึงให้กรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,120-1,200 จุด
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่เป้าหมายที่คาดว่ากองทุน Thai ESGX ที่จะเสนอขายในวันที่ 2 พ.ค. 68 เข้าลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มี มาร์เกตแคปสูงและจัดอยู่ในกลุ่มหุ้นยั่งยืน ได้แก่ BBL, BEM, CPALL, PTT และ TISCO
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำ มีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากสหรัฐเผยว่าการเจรจาข้อตกลงจะสิ้นสุดในอีกราว 3-4 สัปดาห์ อีกทั้งเผยว่าการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในระดับสูงจะลดลงในท้ายที่สุด ขณะที่สำนักข่าวเผยว่าจีนกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางรายการจากสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลสงครามการค้า ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม “ทรัมป์” ปธน.สหรัฐ แสดงความต้องการที่จะเก็บภาษีศุลกากรสูงถึง 20-50% ต่อประเทศคู่ค้าภายในเวลา 1 ปี ทำให้ทองคำยังคงได้แรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้สมาชิก FED เผยว่า FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น คาดเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม โดยในสัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามการประกาศตัวเลขการจ้างงานและตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวมีผลต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,230 – 3,370 $/Oz ทยอยขายทำกำไรที่แนวต้าน